ปัจจัยกำหนดอัตรแลกเปลี่ยนเงิน(1)
หลายท่านอาจจะเคยเห็นการรายงานอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในทีวี หรือหนังสือพิมพ์ต่างๆ
หลายท่านอาจจะเคยเห็นการรายงานอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในทีวี หรือหนังสือพิมพ์ต่างๆ
ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนเหล่านี้มีการเคลื่อนไหวขึ้นลงตลอดเวลาตามความต้องการซื้อ (อุปสงค์) และความต้องการขาย (อุปทาน) ของเงินตราที่เปลี่ยนแปลงไป ในสัปดาห์นี้ คอลัมน์ “นัดพบอนุพันธ์” ขอนำข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินมาเล่าให้ฟังนะครับ
แท้จริงแล้วปัจจัยที่ส่งผลให้อุปสงค์และอุปทานของอัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงไปนั้น ประกอบจากทั้งปัจจัยในประเทศและปัจจัยนอกประเทศ ดังนี้
ปัจจัยแรก คือ การค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากในการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องตกลงกันว่าจะใช้เงินสกุลใดในการชำระค่าสินค้า ดังนั้น จึงทำให้เกิดการแลกเงินระหว่างสกุลเงินที่ใช้ซื้อขายกับสกุลเงินในประเทศ เช่น บริษัท A นำเข้าโทรศัพท์ iPhone จากประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อมาจำหน่ายในไทย บริษัท A ย่อมต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อนำไปจ่ายค่าสินค้าดังกล่าว และถ้ายิ่งมียอดจอง iPhone เป็นจำนวนมาก บริษัทก็ยิ่งต้องการเงินดอลลาร์เป็นจำนวนมาก อุปสงค์ของเงินดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้นนี้ย่อมส่งผลให้เงินดอลลาร์มีค่ามากขึ้น หรือเงินบาทมีค่าอ่อนลง
ในทางกลับกัน หากบริษัท B เป็นผู้ส่งออกเครื่องประดับไปยังสหรัฐอเมริกา บริษัทจะมีรายได้ในรูปของเงินดอลลาร์ ซึ่งเมื่อบริษัท B ต้องการนำรายได้นี้กลับมาใช้ในประเทศไทย บริษัท B ต้องแลกเงินดอลลาร์เป็นเงินบาทก่อน ดังนั้น หากมียอดสั่งซื้อเครื่องประดับเป็นจำนวนมาก ย่อมทำให้รายได้ในรูปเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้น อุปทานของเงินดอลลาร์จึงสูงขึ้นตาม ส่งผลให้ค่าของเงินดอลลาร์ลดลง และเงินบาทแข็งขึ้น
นอกจากการค้าระหว่างประเทศแล้ว การลงทุนระหว่างประเทศไม่ว่าจะอยู่ในรูปทางตรงหรือทางอ้อมก็มีผลต่อการไหลเข้าออกของเงินทุน และส่งผลให้อุปสงค์และอุปทานของเงินตราระหว่างประเทศเปลี่ยนแปลงไป ยกตัวอย่างเช่น หากมีเงินทุนจากสหรัฐอเมริกาไหลเข้ามาประเทศไทยเพื่อสร้างโรงงาน หรือเข้ามาซื้อขายหุ้น ก็จะต้องมีการแลกเงินจากดอลลาร์เป็นเงินบาท ทำให้อุปสงค์ของเงินบาทเพิ่มขึ้น ค่าเงินบาทแข็งขึ้น ในทางกลับกัน หากเงินทุนมีการเคลื่อนย้ายออกจากไทย ก็จะมีการแลกเงินบาทเป็นเงินดอลลาร์ ทำให้อุปสงค์ของเงินดอลลาร์สูงขึ้น ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้น หรือค่าเงินบาทอ่อนลงนั่นเอง
นอกจากนี้ เสถียรภาพภายในประเทศทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมืองก็มีผลต่ออุปสงค์และอุปทานของเงินตราต่างประเทศด้วยเช่นกัน หากประเทศไทยมีเศรษฐกิจมั่นคงแข็งแรง ก็ย่อมจูงใจให้ผู้ลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุน หรือสนใจมาทำธุรกิจค้าขายด้วย ส่งผลให้ค่าเงินบาทก็แข็งขึ้นตาม ส่วนปัจจัยทางการเมืองก็เช่นเดียวกัน ความไม่แน่นอนทางด้านการเมืองย่อมส่งผลกระทบต่อนโยบายต่างๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ผู้ลงทุนต่างประเทศจึงกังวลที่จะเข้ามาค้าขายหรือนำเงินมาลงทุน ส่งผลให้ค่าเงินบาทก็มีแนวโน้มอ่อนลง
ทั้งนี้ ปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงปัจจัยภายในประเทศ ส่วนปัจจัยภายนอกประเทศที่ส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานของเงินตราต่างประเทศนั้น จะนำมาเล่าในรายละเอียดในตอนต่อๆ ไปนะครับ


