posttoday

บรรเทาทุกข์น้ำท่วมประกันว่างงานช่วยแบ่งเบา

30 ตุลาคม 2554

แม้จะเป็นผู้ประกันตน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน เพราะต้อง “เข้าเงื่อนไข” ของสำนักงานประกันสังคมด้วย

แม้จะเป็นผู้ประกันตน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน เพราะต้อง “เข้าเงื่อนไข” ของสำนักงานประกันสังคมด้วย

โดย...สวลี ตันกุลรัตน์ [email protected]

เห็นบริษัทเอกชนหลายแห่งเริ่มมีมาตรการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ให้กับพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมกันบ้างแล้ว มีทั้งช่วยเหลือเป็นตัวเงินให้กับพนักงานที่บ้านถูกน้ำท่วม จัดหาที่พักให้ในช่วงที่น้ำยังไม่ลด รวมทั้งจ่ายเป็นเงินค่าที่พักในกรณีที่ให้พนักงานจัดหาที่พักเอง

แต่ถ้าโชคร้ายเป็นพนักงานของบริษัทที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมจนกระทั่งต้อง “เลิกจ้าง” ล่ะ จะมีใครมาช่วยเรา!?!

หรือจะไปรับค่าจ้างวันละ 300 บาท ที่รัฐบาลเตรียมไว้สำหรับ “แรงงาน” ที่จะกลายเป็นผู้ว่างงานเป็นการชั่วคราว หากโรงงานต้องหยุดดำเนินงาน โดยอาจจะไปทำหน้าที่ซ่อมแซม ทำความสะอาดสถานที่ราชการ พื้นที่ส่วนกลางต่างๆ และไปทำหน้าที่ดูแลศูนย์พักพิง

บรรเทาทุกข์น้ำท่วมประกันว่างงานช่วยแบ่งเบา

กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ บอกว่า รัฐบาลจะจ่ายค่าจ้างให้ในอัตราที่เหมาะสม โดยคิดตามสัดส่วนชั่วโมงทำงาน เพราะฉะนั้นบางคนอาจจะได้ค่าจ้างไม่ถึง 300 บาท

หรือจะไปขอรับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน จากสำนักงานประกันสังคม แต่แม้ว่าเราจะเป็นผู้ประกันตน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน เพราะต้อง “เข้าเงื่อนไข” ของสำนักงานประกันสังคมด้วย

ผู้มีสิทธิ

สิ่งแรกสุด คือ เราต้องเป็นผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบในส่วนของกรณีว่างงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนการว่างงาน และต้องมีอายุไม่เกิน 55 ปี

และในสถานการณ์ปกติจะมี 2 กรณีที่จะได้รับสิทธิ คือ ต้องถูกเลิกจ้าง หรือสมัครใจลาออกเท่านั้น นอกจากนี้ในกรณีที่ถูกเลิกจ้างจะต้องไม่ถูกเลิกจ้างเนื่องจากสาเหตุต่อไปนี้

- ทุจริตต่อหน้าที่
- กระทำผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง
- จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
- ฝ่าฝืนข้อบังคับ หรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายในกรณีร้ายแรง
- ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 7 วันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันควร
- ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
- ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษา

แต่ในกรณีที่ “นายจ้างใช้สิทธิปิดงาน” และในระหว่างนั้นลูกจ้างจะไม่ได้รับค่าจ้าง จะไม่ถือเป็นการเลิกจ้าง ทำให้ไม่สามารถมาขอรับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานได้ เว้นแต่ว่าลูกจ้างจะทนไม่ไหวจนต้องขอลาออกเอง ซึ่งจะทำให้เข้าเงื่อนไขการลาออกโดยสมัครใจ และมาขอรับประโยชน์ได้เช่นกัน

แต่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติแบบนี้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ก็เคยเสนอให้นำกลไกการประกันการว่างงานในการช่วยเหลือลูกจ้างที่ต้องหยุดงาน เพราะสถานประกอบการหยุดดำเนินการเพราะภัยน้ำท่วม คงต้องรอลุ้นว่าสำนักงานประกันสังคมจะผ่อนคลายเงื่อนไขให้เป็นกรณีพิเศษตามข้อเสนอนี้หรือไม่

ก่อนจะได้รับสิทธิ

เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าเป็น “ผู้มีสิทธิ” ตามเงื่อนไข ให้รีบไปขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานที่สำนักจัดหางาน กรมการจัดหางาน ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ว่างงาน และยื่นแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน (สปส.2-01/7) โดยที่ไม่ต้องรอหนังสือรับรองการออกจากงานจากนายจ้าง เพราะถ้ามัวแต่รีๆ รอๆ จนเกิน 30 วัน จะทำให้ได้รับประโยชน์ไม่ครบถ้วน

อย่าลืมพกเอกสารสำคัญติดตัวไปให้พร้อม ได้แก่
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว 1 รูป
- สำเนาหนังสือแจ้งการสิ้นสุดการเป็น|ผู้ประกันตน (สปส.6-09)
- หนังสือหรือคำสั่งของนายจ้างที่ให้ออก|จากงาน (ถ้ามี)
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรกที่มีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ประกันตนธนาคารใดธนาคารหนึ่ง 8 แห่ง ดังนี้ ธนาคารกรุงไทย กรุงศรีอยุธยา กรุงเทพ ไทยพาณิชย์ กสิกรไทย ทหารไทย ไทยธนาคาร ธนชาต และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

นอกจากนี้ ยังต้องมีความสามารถในการทำงาน และพร้อมที่จะทำงานที่เหมาะสมตามที่จัดหาให้ ไม่ปฏิเสธการฝึกงาน และต้องรายงานต่อเจ้าหน้าที่สำนักจัดหางานไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง

สิทธิประโยชน์ที่จะได้

ถ้าเข้าเงื่อนไข สิทธิประโยชน์ที่จะได้จะแบ่งเป็น 2 กรณี คือ

กรณีถูกเลิกจ้าง จะได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 180 วัน ในอัตรา 50% ของค่าจ้างสูงสุดไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท เพราะฉะนั้นต่อให้มีเงินเดือนเกิน 1.5 หมื่นบาท แต่ก็จะได้รับเงินทดแทนไม่เกินเดือนละ 7,500 บาท

กรณีสมัครใจลาออก จะได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 90 วัน ในอัตรา 30% ของค่าจ้างสูงสุดไม่เกิน 1.5 หมื่นบาทเช่นกัน เพราะฉะนั้นในกรณีนี้จะได้รับเงินทดแทนไม่เกินเดือนละ 4,500 บาท

เงินจำนวนนี้น่าจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในระหว่างที่ยังเป็นคนตกงานได้

เมื่อคุณสมบัติครบถ้วน สำนักงานประกันสังคมจะโอนเงินทดแทนเข้าบัญชีธนาคารของผู้ประกันตนเดือนละ 1 ครั้ง โดยที่สิทธิรับประโยชน์ทดแทนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 นับแต่วันว่างงานจากการทำงานกับนายจ้างรายสุดท้าย

สำนักงานประกันสังคมให้รายละเอียดการจ่ายเงินไว้ว่า รอบการตัดจ่ายของผู้ประกันตนแต่ละคนจะขึ้นอยู่กับวันที่ไปขึ้นทะเบียน วันที่รายงานตัว วันที่เริ่มมีสิทธิ และวันสุดท้ายที่มีสิทธิประกอบกัน โดยผู้ประกันตนไปขึ้นทะเบียนวันไหน วันนัดรายงานตัวจะกำหนดเป็นวันที่เดียวกันในเดือนถัดๆ ไปเมื่อผู้ประกันตนไปรายงานตัวตามที่นัด

ผู้ประกันตนจะได้รับเงินงวดแรกตั้งแต่วันที่เริ่มมีสิทธิ (วันที่ 8 ของการว่างงาน) ถึงวันที่รายงานตัวงวดที่ 2 จะได้รับตั้งแต่วันที่ถัดจากวันรายงานตัวงวดที่ 1 ไปจนถึงวันรายงานตัวงวดที่ 2 ซึ่งจะเท่ากับ 30 วัน

ทั้งนี้ หากใน 1 ปีปฏิทินมีการยื่นขอรับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานเกินกว่า 1 ครั้ง ให้นับระยะเวลาการรับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานรวมกันไม่เกิน 90 วัน และ 180 วัน แล้วแต่กรณี แต่หากใช้สิทธิรับเงินครบแล้ว แต่ยังหางานทำไม่ได้ ความคุ้มครองในกรณีว่างงานก็จะหมดลง แต่ยังคงได้รับบริการจัดหางานจากสำนักจัดหางานของรัฐได้ และขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นๆ ได้

ขอให้พวกเราผ่านวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ไปให้ได้

ข่าวล่าสุด

กกต. เห็นชอบร่างแผนเลือกตั้ง – กำหนดวันใช้สิทธิ์ 8 ก.พ. 69