โลหะเงินสินทรัพย์มีค่าเพื่อการลงทุน
ปัจจุบันนักลงทุนค่อนข้างคุ้นเคยกับการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์
ปัจจุบันนักลงทุนค่อนข้างคุ้นเคยกับการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์
โดย..ลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์
ประเภททองคำและน้ำมันมากขึ้น จากการลงทุนในรูปแบบกองทุนรวมซึ่งมีเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในทองคำที่ค่อนข้างร้อนแรงในช่วงนี้ ทั้งนี้นอกเหนือจากทองคำที่ผู้ลงทุนรู้จักกันดีแล้ว ยังมีสินค้าโภคภัณฑ์ในกลุ่มโลหะมีค่า (Precious Metal) อีกอย่างหนึ่ง ที่อยากแนะนำให้ผู้ลงทุนได้รู้จัก เพราะเริ่มเข้ามามีบทบาทในตลาดการลงทุนในปัจจุบัน คือ โลหะเงิน
โลหะเงิน (Silver) เป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนเริ่มสนใจลงทุน เนื่องจากมีความสัมพันธ์น้อยกับสินทรัพย์อื่นในตลาด เช่น ตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ และสามารถป้องกันความเสี่ยงในการสูญเสียมูลค่าจากภาวะเงินเฟ้อ และในช่วงที่สกุลเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่า จากสถิติที่ผ่านมาการลงทุนในโลหะเงินให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ จึงเหมาะกับการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน
ทั้งนี้ หากกล่าวถึงอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) ของโลหะเงินนั้นมาจากหลายส่วน
อุปสงค์ในโลหะเงิน ส่วนใหญ่มาจากภาคอุตสาหกรรม (Industrial Application) ประมาณ 55% ของสัดส่วนอุปสงค์ทั้งหมดในตลาด เช่น ใช้ฉาบผิวกระจกเพื่อความเงางาม และใช้เป็นตัวนำความร้อนและไฟฟ้า รองลงมา ใช้ผลิตเครื่องประดับ (Jewelry) ประมาณ 19% ใช้ทำเหรียญเงินตราและเหรียญที่ระลึก (Coin and Medals) ประมาณ 12% ใช้ในอุตสาหกรรมถ่ายภาพ (Photography) ประมาณ 8% เช่น ผลิตฟิล์มภาพยนตร์และฟิล์ม XRay และสุดท้าย ใช้ทำเครื่องเงิน (Silverware) ประมาณ 6% เช่น จาน ช้อน ส้อม มีด
อุปทานในโลหะเงิน หลักๆ มาจาก เหมืองโลหะเงิน (Silver Mining) ประมาณ 70% ของสัดส่วนอุปทานทั้งหมดในตลาด โดยเหมืองโลหะเงินจะพบมากในประเทศเม็กซิโกและออสเตรเลีย รองลงมา มาจากโลหะเงินเดิมนำมาหลอมใหม่ (Old Scrap) ประมาณ 20% ส่วนที่ 3 มาจากการซื้อเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านราคา (Hedging) ของผู้ผลิต ประมาณ 6% และส่วนสุดท้ายมาจากการขายของรัฐบาลกลางประเทศต่างๆ ประมาณ 4%
ทั้งนี้ ปัจจุบันอุปสงค์ในโลหะเงินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยส่วนใหญ่มาจากภาคอุตสาหกรรม ขณะที่อุปทานในโลหะเงิน โดยเฉพาะเหมืองโลหะเงินก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้นักวิเคราะห์ต่างคาดว่า ราคาโลหะเงินสามารถปรับตัวขึ้นได้อีกแต่ราคาจะมีความผันผวนสูง
สำหรับช่องทางการลงทุนในโลหะเงิน ปัจจุบันสามารถลงทุนได้ผ่าน 3 ช่องทาง
ซื้อโลหะเงินเป็นแท่งหรือเหรียญ (Physical) ซึ่งปัจจุบันร้านค้าที่รับซื้อขายเงินแท่ง หรือเหรียญเงินในประเทศไทยมีน้อย และราคาซื้อขายจะบวกภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าไปด้วย ทำให้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก
ลงทุนในกองทุน ETF ในต่างประเทศ โดยที่กองทุนจะนำเงินลงทุนไปซื้อโลหะเงินแท่งเก็บไว้ เช่น iShares Silver Trust (SLV) การลงทุน ETF สามารถลงทุนได้โดยตรง หรือผ่านกองทุนส่วนบุคคลในประเทศไทย
ลงทุนผ่านตลาดซื้อขายล่วงหน้าโลหะเงิน (Silver Futures) ซึ่งประเทศไทยเพิ่งเริ่มเปิดซื้อขาย Silver Futures ผ่านตลาดอนุพันธ์ (TFEX) เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่ค่อยแพร่หลายนัก เพราะยังไม่เป็นที่รู้จักของผู้ลงทุน สำหรับในต่างประเทศมีตลาด Silver Futures ที่แพร่หลาย เช่น ตลาด Chicago Mercantile Exchange (CME) ในสหรัฐและตลาด Multi Commodities Exchange of India (MCX) ในอินเดีย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโลหะเงินเป็นสินค้าโภคภัณฑ์จึงมีความเสี่ยงจากความผันผวนด้านราคาสูง เมื่อเทียบกับการปรับตัวของราคาทองคำ ผู้ที่สนใจลงทุน ควรเข้าใจปัจจัยต่างๆ ที่จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาโลหะเงินในตลาดโลกอย่างดี รวมถึงมีเวลาติดตามการลงทุน ทำให้การลงทุนในโลหะเงินมักอยู่ในรูปกองทุนส่วนบุคคล ซึ่งมีความสะดวกในการทำซื้อขาย โดยจะมีผู้จัดการกองทุนซึ่งเชี่ยวชาญในการลงทุนติดตามภาวะตลาดการซื้อขายในตลาดโลก


