posttoday

TDR ฉุดหุ้น CCET

17 กุมภาพันธ์ 2553

...บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส

นักวิเคราะห์ประเมินนักลงทุนไทยไม่ได้รับผลดีมีแต่กำไรต่อหุ้น และราคาหุ้นลดลง กรณีที่บริษัท แคลคอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (CCET) จะออก TDR หรือ Taiwan Depositary Receipt (ตราสารสิทธิอย่างหนึ่งที่ต้องออกหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนมารองรับ และฝากไว้กับผู้ดูแลหลักทรัพย์ในอัตราส่วนตามที่ตกลงกัน) แนะขายและเปลี่ยนตัวเล่น

นักวิเคราะห์บล.พัฒนสิน ยังคงแนะนำให้ลดการลงทุนหุ้น CCET โดยให้ราคาเหมาะสมในช่วง 12 เดือนข้างหน้าที่หุ้นละ 3.18 บาท (แต่มีแนวโน้มปรับลดลงจาก Dilution Effect เนื่องจากใช้สัดส่วนราคาต่อกำไร (P/E Multiple) ในการประเมินมูลค่า)

นักวิเคราะห์บล.แห่งนี้ให้ความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นในไทยไม่ได้รับผลดีมีแต่ Dilution Effect ราคาหุ้นของ CCET ในไทยที่ 3 บาท ต่ำกว่าราคาในไต้หวันที่อยู่ 5.60 บาท ดังนั้นเป็นการสมควรที่ CCET จะขายหุ้นเพิ่มทุนที่ไต้หวันมากกว่าไทย ทั้งนี้เคยคาดการณ์ไว้แล้วตั้งแต่กลางปี 2552 ว่า CCET อาจจะขายหุ้นเพิ่มทุนที่ไต้หวัน เนื่องจากยังต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับคำสั่งซื้อในอนาคต

เราคาดว่าผู้ถือหุ้นในไทยมีแต่ผลลบ เนื่องจากการขายหุ้นครั้งนี้เป็นการขายให้นักลงทุนทั่วไปไม่ใช่ให้ผู้ถือหุ้นเดิม และเป็นการขายหุ้นในไต้หวัน ซึ่งไม่ได้อิงราคาขายจากหุ้นในตลาดไทย จึงไม่น่าจะมีผลให้ราคาหุ้นในตลาดไทยปรับตัวขึ้นเพื่อทำราคาขายให้สูง นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นทั้งไทยและไต้หวันจะได้รับผลกระทบเท่ากันคือ Dilution Effect 9%

การเพิ่มทุนช่วยลดภาระดอกเบี้ย แต่ไม่เพียงพอชดเชย Dilution Effect หาก CCET ขายหุ้นในไต้หวัน ซึ่งปิดเมื่อวันศุกร์ 5.43 เหรียญไต้หวัน หรือเท่ากับ 5.60 บาท และขายที่ 90% ของราคาหุ้นคือ 5.0 บาทต่อหุ้น จะทำให้ CCET ได้เงินจากการเพิ่มทุน 2,000 บาท สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ 75 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2553 เพิ่มขึ้นจากเดิม 1,718 ล้านบาท เป็น 1,755 ล้านบาท (เพราะคาดเงินจะเข้ามากลางปี 2553 จึงลดดอกเบี้ยได้เพียงครึ่งปีหลัง) และปี 2554 เพิ่มขึ้นจากเดิม 1,909 ล้านบาท เป็น 1,984 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น 10% จาก 4,085 ล้านหุ้น เป็น 4,485 ล้านหุ้น ทำให้ประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2553 ลดลงจาก 0.40 บาท เป็น 0.37 บาท และทำให้ราคาเป้าหมายจะลดลงจาก 3.18 บาท เหลือ 2.96 บาท

เราคงคำแนะนำ ลดการลงทุน โดยราคาเป้าหมายในปัจจุบันที่ 3.18 บาท (P/Eเป้าหมาย 10 เท่า) มีโอกาสถูกปรับลงด้วยสองสาเหตุ คือ 1) Dilution Effect 9% จากการเพิ่มทุน และ 2) แนวโน้มการปรับประมาณการปี 2553 ลงจากเดิมราว 5% เพราะคาดว่า CCET ต้องใช้เวลาในการดึงคำสั่งซื้อเครื่องพิมพ์กลับมาจากคู่แข่งและอาจต้องยอมลดราคาให้กับลูกค้า เรามองว่านักลงทุนควรขายหุ้นออกไปก่อน โดยไม่ควรรอรับเงินปันผลที่ให้เพียง 0.06 บาทต่อหุ้น สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งหลังปี 2552

ด้านนักวิเคราะห์บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะเปลี่ยนตัวเล่น โดยวิเคราะห์ว่า CCET ประกาศผลการดำเนินงานปี 2552 น่าผิดหวัง กำไรปกติลดลง 34% เป็น 1,474 ล้านบาท หรือ 0.37 บาทต่อหุ้น อันเนื่องมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

ธุรกิจเครื่องพิมพ์ที่อ่อนแอลงมากหลังสูญเสียคำสั่งซื้อของลูกค้าหลัก HP ให้กับบริษัท Hon Hai Precision แม้ธุรกิจ PCBA สำหรับฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ กับ SetTop Box จะขยายตัวในครึ่งปีหลังก็ตาม

นอกจากยอดขายตกลง 12% เป็น 1.08 แสนล้านบาทแล้ว ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ยังเพิ่มขึ้นถึง 29% เป็น 2,100 ล้านบาท ด้วยการใช้จ่ายด้านวิจัยพัฒนาสูงขึ้นเพื่อคิดค้นสินค้าใหม่สำหรับอนาคต

นอกจากนี้ บริษัทยังมีค่าใช้จ่ายพิเศษ หลายรายการ ได้แก่ ค่าด้อยค่าเงินลงทุนระยะยาว 121 ล้านบาท ค่าด้อยค่าสินทรัพย์ 23 ล้านบาท ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 75 ล้านบาท และกำไรจากการขายสินทรัพย์ 48 ล้านบาท ทำให้รายงานกำไรสุทธิ 1,301 ล้านบาท หรือ 0.33 บาทต่อหุ้น ในปี 2552

แม้บริษัทอิเล็กทรอนิกส์อื่นจะมีแนวโน้มกำไรฟื้นตัวในช่วงปลายปี 2552 กำไรปกติของ CCET ลดลงถึง 30% เป็น 303 ล้านบาท ต่ำกว่าคาดถึง 28% ยอดขายลดลง 21% จากปี 2551 เป็น 2.8 หมื่นล้านบาท โดย SG&A เพิ่มขึ้นถึง 60% เป็น 732 ล้านบาท ซึ่งเราคาดว่าค่าวิจัยและพัฒนาเป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก

หลังจากจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วที่อัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลอีก 0.06 บาทต่อหุ้น สำหรับการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2552 (เทียบเท่า 2% ของราคาหุ้นปัจจุบัน) ทำให้เงินปันผลสำหรับทั้งปี 2552 รวมเป็น 0.11 บาทต่อหุ้น เทียบเท่าอัตราตอบแทนรายปี 3.7%

ที่ประชุมกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 400 ล้านหุ้น (ประมาณ 10% ของหุ้นทั้งหมด) เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็น TDR โดยจะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 7 เม.ย.นี้ ราคาหุ้น CCET ที่ตลาดไต้หวันปัจจุบันเท่ากับ 4.95 เหรียญไต้หวัน หรือประมาณ 5.1 บาท

ดังนั้น ราคาเพิ่มทุนจึงมีแนวโน้มสูงกว่าราคาหุ้น CCET ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เนื่องมาจากสาเหตุหลักในการเพิ่มทุนคือ การขยายธุรกิจ PCBA สำหรับฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ซึ่งต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนสูง เพราะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ให้อัตรากำไรต่ำมากแผนลงทุนเพิ่มเติม และ 3) เสริมสร้างฐานะการเงิน แต่หากพิจารณาอัตราหนี้สินสุทธิต่อทุนที่ 0.32 เท่า ณ ปี 2552 ถือว่าดีขึ้นมากจาก 0.74 เท่า ณ ปีก่อนหน้าแล้ว เราต้องรอการชี้แจงเพิ่มเติมถึงแผนใช้เงินทุนจากบริษัทอีกครั้ง เนื่องจากข้อมูลจำกัดด้านแผนการใช้เงินทุนรวมถึงสาเหตุทั้งหมดที่ SG&A พุ่งสูงสร้างสถิติใหม่ในไตรมาส 4/2552 รอปรับปรุงประมาณการปี 2553 ภายหลังจากการประชุมนักวิเคราะห์ และด้วยแนวโน้มที่ยังไม่สดใสหลังจากสูญเสียส่วนแบ่งตลาดธุรกิจเครื่องพิมพ์ เราจึงคงคำแนะนำ เปลี่ยนตัวเล่น โดยราคาเหมาะสมที่ 3.18 บาทนั้น อยู่ระหว่างปรับปรุง

ผลจากการที่ที่ประชุมคณะกรรมการของ CCET ได้มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 4,085,386,292 บาท เป็น 4,485,386,292บาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวน 400 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวม 400 ล้านบาท ทั้งนี้ CCET จะขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวให้กับนักลงทุนในไต้หวันในรูปแบบของ TDR ราคาเสนอขายต่อหุ้นมีราคาไม่ต่ำกว่า 90% ของราคาปิดของหุ้น CCET เฉลี่ย 15 วันก่อนวันกำหนด โดยการเพิ่มทุนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานของบริษัทและการขยายธุรกิจในอนาคต กำหนดวันประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2553

ในวันที่ 7 เม.ย. 2553 ทั้งนี้หุ้น CCET จะขึ้นเครื่องหมาย XM ในวันที่ 5 มี.ค. 2553

ข่าวล่าสุด

เกาะติดเลือกตั้ง69 เจาะสนามกทม.เกมชี้ชะตา 4 พรรคการเมืองใหญ่