เตรียมความพร้อมก่อนยื่นภดง.51
เมื่อวันก่อนผมได้ไปเข้าสัมมนาเรื่อง “เตรียมความพร้อมก่อนยื่น ภ.ง.ด.51”
เมื่อวันก่อนผมได้ไปเข้าสัมมนาเรื่อง “เตรียมความพร้อมก่อนยื่น ภ.ง.ด.51”
ที่จัดโดยกรมสรรพากรมา ซึ่งได้ประโยชน์มากและก็เป็นห่วงเพื่อนๆ ที่เป็นเจ้าของธุรกิจต่างๆ ที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานกำไรสุทธิ เพราะตามกฎหมายแล้วบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานกำไรสุทธิ ให้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลปีละ 2 ครั้ง ตามแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด ดังนี้
1.ภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งรอบระยะเวลาบัญชีตามแบบ ภ.ง.ด.51 ภายใน 2 เดือน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลา 6 เดือนนับแต่วันแรกของรอบระยะเวลาบัญชีตามมาตรา 67 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร แบ่งเป็น
(1) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลทั่วไป กำหนดให้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกึ่งหนึ่งของประมาณการกำไรสุทธิที่ได้จากกิจการ หรือเนื่องจากกิจการที่ได้กระทำหรือจะได้กระทำในรอบระยะเวลาบัญชี
(2) สำหรับบริษัทจดทะเบียน หรือกิจการธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ หรือบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับอนุมัติให้มีผู้สอบทานงบการเงินตามมาตรา 67 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรสุทธิที่เกิดขึ้นจริงในรอบระยะเวลา 6 เดือนแรกของรอบระยะเวลาบัญชี...
2.ภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำรอบระยะเวลาบัญชี ตามแบบ ภ.ง.ด.50 ภายใน 150 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี...(ตามภาพประกอบ)
คำว่ารอบบัญชี ไม่ได้จำเป็นต้องเป็นช่วงเวลาเดียวกับรอบปีปฏิทิน (1 ม.ค.31 ธ.ค.) เจ้าของธุรกิจอาจกำหนดรอบบัญชีของตนเองได้ เช่น วันที่ 1 มี.ค.-28 ก.พ. เป็นต้น แต่โดยทั่วไปแล้วนิติบุคคลส่วนใหญ่มักกำหนดรอบปีบัญชีเป็นช่วงเวลาเดียวกับรอบปีปฏิทิน ดังนั้นหากนิติบุคคลใดมีรอบปีบัญชีตรงกับรอบปีปฏิทิน นิติบุคคลนั้นก็มีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.51 เพื่อเสียภาษีนิติบุคคลครึ่งปีภายในเดือน ส.ค.นี้
หากบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลทั่วไปไม่ยื่นรายการเสียภาษีงวด 6 เดือน หรือยื่นรายการเกินกำหนดเวลา
หรือยื่นรายการไม่ครบถ้วน จะต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มตามมาตรา 67 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งพอจะสรุปได้คร่าวๆ ดังนี้
1.กรณีไม่ยื่นรายการและชำระภาษีภายใน 2 เดือน นับแต่วันครบกำหนดรอบระยะเวลา 6 เดือน โดยไม่มีเหตุอันสมควร เจ้าพนักงานประเมินอาจสั่งให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินภาษีที่ต้องเสียเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี
2.กรณียื่นรายการและชำระภาษีเมื่อพ้นกำหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันครบกำหนดรอบระยะเวลา 6 เดือน โดยไม่มีเหตุอันสมควร เจ้าพนักงานประเมินอาจสั่งให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของภาษี ที่ต้องชำระตามประมาณการกำไรสุทธิของแต่ละรอบเวลาบัญชี
3.กรณียื่นรายการและชำระภาษีภายใน 2 เดือน นับแต่วันครบกำหนดรอบระยะเวลา 6 เดือน แต่แสดงประมาณการกำไรสุทธิไว้ขาดไปเป็นจำนวนเกินกว่าร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิซึ่งได้จากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นโดยไม่มีเหตุอันสมควร เจ้าพนักงานประเมินอาจสั่งให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 20 ของจำนวนภาษี (จากกำไรสุทธิจริง) ที่ชำระขาดไป
กรณีความผิดที่เจ้าของธุรกิจกังวลกันมาก เมื่อต้องยื่น ภ.ง.ด.51 ก็คือ กรณีที่ 3 คือ ประมาณการกำไรสุทธิไว้ขาดไปเป็นจำนวนเกินกว่าร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิซึ่งได้จากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชี เพราะไม่มีใครรู้ว่ากำไรสุทธิปลายปีจะเป็นเท่าไหร่จริงๆ หากมากกว่าที่คาดไว้จนทำให้ประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีขาดไปเป็นจำนวนเกินกว่าร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิที่ได้จริงก็ได้ เจ้าของธุรกิจหลายคนจึงเสียเวลาอย่างมากเมื่อตอนที่ต้องยื่น ภ.ง.ด.51 ในการประมาณการกำไรสุทธิให้ใกล้เคียงความเป็นจริงให้มากที่สุด
ซึ่งหากเราพิจารณาในตัวบทกฎหมายอย่างละเอียด จะเห็นได้ว่ากรมสรรพากรจะถือว่าเรามีความผิดต่อเมื่อเราแสดงประมาณการกำไรสุทธิไว้ขาดไปเป็นจำนวนเกินกว่าร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิซึ่งได้จากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น โดยไม่มีเหตุอันสมควรเท่านั้น หากเรามีเหตุอันสมควร แม้จะแสดงประมาณการกำไรสุทธิไว้ขาดไปเป็นจำนวนเกินกว่าร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิที่ได้จริงก็ถือว่าไม่ผิด
แล้วอย่างไรถึงจะถือว่าเป็นเหตุอันสมควร คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.50/2537ฯ ได้กล่าวถึงเหตุอันสมควรกรณีนี้ไว้ว่า “กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จัดทำประมาณการกำไรสุทธิ และยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีครึ่งปีไว้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้ว ให้ถือว่าเป็นกรณีมีเหตุอันสมควร”
ดังนั้น วิธีง่ายๆ สำหรับการยื่น ภ.ง.ด.51 อย่างสบายใจไม่ผิดกฎหมาย ก็คือจัดทำประมาณการกำไรสุทธิและยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีครึ่งปีไว้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้วก็พอ
หากมีข้อสงสัยหรือสนใจการวางแผนการเงิน สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่สายธุรกิจเงินฝากและการตลาด ธนาคารเกียรตินาคิน โทร. 026803333 หรือ [email protected]


