อัดฉีดเงินกู้โลจิสติกส์
นายกฯสั่งคมนาคมเร่งศึกษา
สร้างท่าเรือปากบาราทวาย
โพสต์ทูเดย์
— ธพว.ไฟเขียวสินเชื่อเสริมสภาพคล่องธุรกิจโลจิสติกส์ 765 ล้านบาทนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการสนับสนุนสินเชื่อธุรกิจโลจิสติกส์ ตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค.30 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่าธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) อนุมัติสินเชื่อแล้ว 257 ราย วงเงิน 765 ล้านบาท คิดเป็น 25.52% ของวงเงินสินเชื่อรวม 3,000 ล้านบาท จากผู้ประกอบการที่ยื่นขอกู้ 383 ราย วงเงิน 1,208 ล้านบาท ขณะนี้ยังเหลือวงเงินอีกมาก และมีเวลายื่นขอกู้ถึงวันที่ 30 ธ.ค.
สำหรับมาตรการดังกล่าว คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ ให้ ธพว. ดำเนินการสนับสนุนสินเชื่อ ในวงเงินรวม 3,000 ล้านบาท วงเงินต่อรายไม่เกิน 5 ล้านบาท ปลอดชำระคืนเงินต้น 1 ปี ดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ลบ 3% ต่อปี ในปีที่ 12 และปีที่ 3 เป็นต้นไป คิดดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ต่อปี สิ้นสุดรับคำขอกู้วันที่ 30 ธ.ค. หรือจนกว่าจะหมดวงเงิน โดยผู้ประกอบการที่จะได้รับความช่วยเหลือ คือ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ
ปัจจุบันธุรกิจโลจิสติกส์มีมูลค่าตลาดสูงถึง 7.36 แสนล้านบาท สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มรวม 3 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 3.5% ของจีดีพี มีธุรกิจโลจิสติกส์ที่เป็นนิติบุคคล 17,335 ราย
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เลือกท่าเรือปากบาราเป็นโครงข่ายเชื่อมโยงในภูมิภาค เนื่องจากการขนส่งสินค้าในทะเลอันดามัน หรือฝั่งตะวันตกของไทยมีปริมาณสินค้าที่ขนส่งเพียงปีละ 25%
ด้านแปซิฟิกซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างท่าเรือทวายขนสินค้าได้ปีละ 75% หากต้องการก่อสร้างท่าเรือแห่งใด ต้องคำนึงถึงการเชื่อมโยงโครงข่ายขนส่งสินค้าทั้งหมดว่า ส่วนไหนคุ้มค่าต่อการลงทุนมาก กว่ากัน กระทรวงคมนาคม และ สศช. ต้องพิจารณาร่วมกัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเชื่อมโยงการค้ากับเพื่อนบ้าน รัฐพร้อมสนับสนุน จึงให้กระทรวงคมนาคม ศึกษาให้ครอบคลุมทุกประเด็น
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การพัฒนาโครงข่ายโลจิสติกส์ในประเทศให้เชื่อมโยงกันทั้งทางถนน ราง น้ำ และอากาศไปสู่ต่างประเทศจะเน้นเปิดเส้น ทางด้านทะเลอันดามันผ่านท่าเรือปากบาราและท่าเรือทวาย คาดว่าจะเชื่อมโยงใน 3 ปี และชัดเจนใน 5 ปี


