posttoday

ภาพลักษณ์ประเทศสำคัญ? ’สแกมเมอร์’ ทำพิษ ‘กัมพูชา’! ดีลยักษ์ Trip.com จึงต้องล้ม

17 ธันวาคม 2568

ภาพลักษณ์ประเทศสำคัญไฉน? ’สแกมเมอร์’ ทำพิษ ‘กัมพูชา’! ดีลยักษ์ Trip.com จึงต้องล้ม

KEY

POINTS

  • ภาพลักษณ์ของประเทศกัมพูชาในฐานะศูนย์กลางของแก๊งสแกมเมอร์ได้สร้างผลกระทบเชิงลบต่อความเชื่อมั่นในระดับนานาชาติ
  • Trip.com บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ยักษ์ใหญ่ ถูกกดดันจนต้องประกาศระงับข้อตกลงความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับกัมพูชาหลังลงนามได้เพียง 16 วัน
  • สาเหตุหลักเกิดจากกระแสต่อต้านของผู้ใช้งานชาวจีนและไทย ที่กังวลว่าข้อมูลส่วนตัวอาจรั่วไหลไปยังแก๊งสแกมเมอร์จนพากันลบบัญชีผู้ใช้

การสู้รบระหว่างไทยและกัมพูชา ที่จนป่านนี้แล้วยังไม่มีใครออกมาพูดมูลฐานที่แน่ชัดของการ ‘ยั่วยุ’ เพื่อให้เกิดการสู้รบ!

 

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นนี้หนีไม่พ้นประเด็น ‘ผลประโยชน์’

 

นักวิชาการทางฝั่งตะวันตก หรือแม้แต่นักวิชาการฝั่งไทยเอง ก็มองและชี้ชัดเป็นเสียงเดียวกันว่า

หนึ่งในปัญหาที่ซุกซ่อนใต้ระเบิดคือ ‘สแกมเมอร์'  ซึ่งเป็นขุมทรัพย์เศรษฐกิจใต้ดินอันมหาศาลของ ‘กัมพูชา’

 

กัมพูชาถูกกล่าวหาไม่ใช่แค่จากประเทศไทย แต่ก่อนหน้านั้นหากจำได้คือ ‘เกาหลีใต้’ ซึ่งได้ลงพื้นที่ปฏิบัติการช่วยตัวประกันด้วยตัวเอง รวมไปถึงมีการสั่งห้ามพลเมืองเดินทางไปยังบางพื้นที่ของกัมพูชา จากปัญหาดังกล่าว

รวมไปถึง ‘สิงคโปร์’ ที่ได้ร่วมมือกับตำรวจกัมพูชาทลายสแกมเมอร์ในกัมพูชาหลายคดี และที่หนักหน่วงกว่าคือ ‘จีน’ ที่มีปฏิกิริยาไม่เอาสแกมเมอร์อย่างเด็ดขาด!

 

ศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชาที่รัฐบาลเกาหลีใต้เคยออกมาแฉ

 

เด็ดไปกว่านั้นคือในเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา รายงานข่าวกรองระหว่างประเทศและของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ยืนยันว่ากัมพูชากลายเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับปฏิบัติการฉ้อโกงทางไซเบอร์ แผนที่ของ UNODC ระบุอย่างชัดเจนว่ามีศูนย์กลางการหลอกลวงหลายแห่งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สีหนุวิลล์ ซึ่ง UNODC ระบุว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการหลอกลวงที่ใหญ่ที่สุดในกัมพูชา

นอกจากนี้ เมืองชายแดนอย่างปอยเปตที่อยู่ตรงข้ามอำเภออรัญประเทศของไทย ก็กลายเป็นฐานยุทธศาสตร์สำหรับเครือข่ายอาชญากรที่ต้องการเจาะตลาดไทย

ที่สำคัญคือ UNODC รายงานว่าอุตสาหกรรมไม่ได้จำกัดอยู่เพียงพื้นที่ชายแดน แต่ได้ขยายตัวเข้าสู่กรุงพนมเปญ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศด้วย! 

 

แอมเนสตี้เคยเปิดเผยแผนที่ศูนย์สแกมเมอร์ในฝั่งกัมพูชาที่มีกว่า 51 แห่ง

 

สอดคล้องกับการนำเสนอข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศอย่าง CNN  ที่มองการสู้รบครั้งนี้ และรายงานออกมาเต็มๆ ว่า ไทยเล็งเป้าเล่นงานศูนย์สแกมเมอร์ต่างๆ ภายในกัมพูชา

CNN ยังรายงานอีกว่า คาสิโนแห่งหนึ่งในจังหวัดโพธิสัตว์ เป็นของนายตรี พรีบ (Try Pheap) เศรษฐีกัมพูชา เป็นหนึ่งในหลายๆคาสิโนที่ถูกไทยทิ้งระเบิดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับฮุนเซน

จนทำให้ปฏิกิริยาการโจมตีศูนย์สแกมเมอร์ของไทย ภายใต้ภาพการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา แทบจะไม่เห็นปฏิกิริยาย้อนศรจากทางฝั่งประเทศมหาอำนาจ เพียงแต่เป็นการรักษาสมดุลเชิงอำนาจ

 

สำนักข่าวเฟรชนิวส์ของกัมพูชา เปิดภาพคาสิโนที่ถูกโจมตีในจังหวัดโพธิสัตว์

 

ทั้งนี้ ปฏิกิริยาที่มากที่สุด คือ ปฏิกิริยาของทรัมป์ ซึ่งอาจจะขัดใจคนไทยสักหน่อย กับปฏิกิริยาสัมภาษณ์ล่าสุดที่ออกมาพูดว่า

 

“ ปัญหาไทยและกัมพูชา ยังมีปัญหาเล็กน้อยและแก้ได้แล้ว”

 

 

ขณะที่จีนเองก็ได้ออกมาแถลงเช่นกันโดยระบุว่า

 

“ กัมพูชาและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ไม่สามารถแยกจากกันได้ และความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีเป็นสมบัติของชาติ”

 

แต่ในทางกลับกันหากเป็นกัมพูชา ที่ถูกระเบิดและโจมตีอย่างหนักหน่วง คงต้องเอ๊ะแล้ว

เพราะการบอกว่าเป็นปัญหาเล็กน้อย หรือบอกว่าไปเคลียร์กันเองนะเป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน ตัดไม่ขาดหรอก

แบบนี้เรียกว่าแทบจะไม่มีชาติมหาอำนาจไหนกระโดดมาเล่นด้วยอย่างเต็มตัว!

 

ประกอบกับเมื่อมาถึงวันนี้กระแสว่าการสู้รบชายแดนจะกลายเป็น Proxy War หรือ สงครามตัวแทนของมหาอำนาจ หรือไม่นั้น? นักวิชาการหลายคนก็ออกมาพูดว่าคงไม่ถึงขั้นนั้นได้!

 

ทรัมป์ ภายหลังการพูดถึงประเด็นไทย-กัมพูชาล่าสุด

 

 

จากภาพลักษณ์ระดับประเทศ สู่ผลกระทบทางธุรกิจ!

 

ล่าสุด! ไม่ใช่แค่ปฏิกิริยาจากทางฝั่งรัฐบาลของแต่ละประเทศที่ไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวเท่านั้น

 

ปัญหา ‘สแกมเมอร์ในกัมพูชา’ ได้สร้างภาพลักษณ์ใหม่และสะเทือนไปถึงภาคธุรกิจเช่นกัน!

 

เคสตัวอย่างที่สำคัญ ซึ่งเพิ่งเกิดสดๆ ร้อนๆ คือ Trip.com ได้ประกาศยกเลิกข้อตกลงความร่วมมือกับหน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยวของกัมพูชา หลังจากมีรายงานว่าผู้ใช้งานชาวจีนและชาวไทยแสดงความกังวลว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของตนอาจถูกรั่วไหลหรือถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด

 

หลังจากเพิ่งเข้าไปลงนามข้อตกลงเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2568 นี้เท่านั้น

 

ความร่วมมือดังกล่าว จุดชนวนความไม่พอใจในหมู่ชาวจีนก่อน เพราะก่อนหน้านี้ต้องเผชิญกับความหวาดกลัว เมื่อมีคนจีนหลายคนถูกชักชวนมาทำงานให้กับสแกมเมอร์อย่างรู้เท่าไม่ถึงการ

 

หลายคนได้แสดงความเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่าพวกเขาวางแผนที่จะลบบัญชีผู้ใช้งานบน Ctrip (บริษัทแม่ของ Trip.com) เนื่องจากเกรงว่าข้อมูลส่วนบุคคลของตนอาจถูกขายหรือถูกส่งต่อไปยังแก๊งสแกมเมอร์ที่ปฏิบัติการอยู่ในกัมพูชา

 

ชาวเน็ตจีนหลายรายได้แชร์ภาพหน้าจอที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้ลบบัญชี Ctrip ของตนเองทิ้งแล้ว โดยผู้ใช้งานรายหนึ่งเขียนระบุว่า

 

"ฉันยกเลิกบัญชี Ctrip เมื่อคืนนี้หลังจากใช้งานมานานถึง 8 ปี ฉันยอมจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินที่แพงกว่า ดีกว่าต้องมารับสายโทรศัพท์หลอกลวงจากกัมพูชา”

 

ต่อมา ความขัดแย้งดังกล่าวได้แพร่กระจายมาถึงประเทศไทย โดยผู้ใช้งาน Trip.com ในประเทศไทยจำนวนมากเริ่มลบบัญชีและลบแอปพลิเคชันออกจากโทรศัพท์มือถือ หลังจากทราบข่าวเรื่องการเป็นพันธมิตรดังกล่าว

 

เพราะกังวลว่า ‘ข้อมูลส่วนตัวจะหลุดรอดไปสู่กัมพูชา’ ซึ่งเป็นแหล่งสแกมเมอร์นั่นเอง!

 

 

ความกังวลในสังคมกดดันจนทำให้ Trip.com ต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงอย่างเป็นทางการ และประกาศระงับความร่วมมือกับกัมพูชาหลังจากเซ็นต์สัญญาไปได้แค่ 16 วัน!

โดยในแถลงการณ์ของ Trip.com ประเทศไทย เน้นย้ำว่า ข้อตกลงกับกัมพูชานั้นมีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวเท่านั้น และบริษัทได้ลงนามในความร่วมมือทางการตลาดในลักษณะที่คล้ายคลึงกันนี้กับหน่วยงานการท่องเที่ยวในอีกหลายประเทศ

Trip.com เสริมว่า บริษัทให้ความสำคัญกับความไว้วางใจและความกังวลของผู้ใช้งานเป็นอันดับแรก จึงตัดสินใจระงับความร่วมมือดังกล่าว พร้อมปฏิเสธข่าวลืออย่างหนักแน่นว่า ไม่มีการแลกเปลี่ยนหรือขายข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ตามที่ระบุในข้อตกลง

 

แถลงการณ์จาก Trip.com ประเทศไทย

 

…..

 

ภาพลักษณ์ 'ประเทศ' คือ สิ่งที่ 'บริษัท' นึกถึง

 

จากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ‘กัมพูชา’ กำลังเผชิญกับอะไร?

 

แน่นอนว่าธุรกิจต้องอาศัย ‘ภาพลักษณ์’ เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจแก่ผู้บริโภค

ความน่าเชื่อถือ ความโปร่งใส ความไว้วางใจเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการทำธุรกิจที่ยั่งยืน

 

แต่ ‘กัมพูชา’ ณ วันนี้ที่มีภาพลักษณ์ ‘สแกมเมอร์’ ติดมาด้วย

จึงเห็นกระแสต่อต้านจากสังคมโลกอย่างรุนแรง

นี่นับได้ว่าเป็นความสูญเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศในแบบที่กู้คืนกลับมาได้ยากนัก

 

หนักไปกว่านั้นคือ สถานการณ์ขณะนี้ จากกรณี Trip.com ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า

ภาคธุรกิจหรือนักลงทุนที่เข้าไปทำสัญญากับกัมพูชา ถูกตั้งคำถามไปด้วยว่า

 

ทำไมถึงร่วมมือ? ร่วมมืออะไร? และข้อมูลส่วนบุคคลจะหลุดไปหรือไม่

โดยชาวโลกข้าม ‘ข้อเท็จจริงของการดีลธุรกิจไปแล้ว’

แต่เมื่อพูดถึงความร่วมมือกับ ‘กัมพูชา’  ทุกคนจะกังวลในทันที

 

เรื่องนี้กระทบกับภาพลักษณ์ของธุรกิจอย่างสูง จนทำให้ตัดสินใจระงับข้อตกลงในที่สุด!

 

 

สีหนุวิลล์ ที่เคยเป็นแหล่งลงทุนน่าจับตาในกัมพูชา แต่ปัจจุบันถูกมองว่าเป็นแหล่งสแกมเมอร์ จากรายงานของ UNODC

 

 

เปรียบ  ‘กัมพูชา’ เป็นบริษัทหนึ่งที่มีผลิตภัณฑ์ ส่วนนักลงทุนและนักธุรกิจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศ ก็คือผู้บริโภค 

ถ้าเป็นเหตุการณ์นี้ ธุรกิจย่อมต้องออกแถลงการณ์ และกระทำทุกสิ่งเพื่อดึงความมั่นใจและความไว้ใจของผู้บริโภคกลับมา ..  รวมไปถึงแก้ไขภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ หากอยากจะขายต่อได้ยาวๆ

 

แต่ดูเหมือนว่าปัญหานี้ 'หยั่งรากลึก' และต้องใช้พลังและระยะเวลายาวนานกว่าจะดึงภาพลักษณ์ที่ดีกลับมาได้

ย้ำว่าถ้า 'กัมพูชา' อยากจะทำ

 

ท้ายนี้ ไม่ใช่แค่ ‘กัมพูชา’ ถูกประทับแบรนด์ไว้อย่างไร? 

นี่จะเป็นเคสตัวอย่างให้แก่ 'นักการเมือง' และผู้ที่นำประเทศชาติไปแสวงหาผลประโยชน์ใน 'ประเทศไทย' ด้วยเช่นกัน

ว่าอยากจะให้ 'ประเทศไทย' ประทับแบรนด์ไว้อย่างไร?

ข่าวล่าสุด

ปชน. ยัน! เลือกตั้ง 69 ส่งครบ 400 เขต 100 บัญชีรายชื่อ ติวเข้มนโยบาย