"บิ๊กตำรวจ" สู่ "พระวิระชัย" : ทางธรรมหรือธุรกิจ?
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา: จาก “บิ๊กตำรวจ” สู่ “พระวิระชัย” กับบทเรียนศีลธรรมบนเส้นทางอำนาจและธุรกิจ
ชื่อของ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา เคยปรากฏบนหน้าสื่อในฐานะ “ตำรวจหมื่นล้าน” อดีตรอง ผบ.ตร. ผู้มีบทบาทในคดีสำคัญและเป็นที่จับตาในแวดวงอำนาจ หลังเกษียณอายุราชการ เขาได้หันเข้าสู่ทางธรรมภายใต้ฉายา “พระวิระชัย เมตตาธีโร” พร้อมประกาศว่าจะบวชตลอดชีวิต ทว่าล่าสุด สถานการณ์กลับพลิกผัน เมื่อท่านตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาคดีอาญาจากความขัดแย้งในธุรกิจครอบครัว ทั้งที่ยังครองสมณเพศอยู่
เส้นทางชีวิตและราชการ: จากสุวิระ สู่รอง ผบ.ตร.
- เกิด: 19 ตุลาคม 2504 จังหวัดสมุทรปราการ
- นามเดิม: สุวิระ เผือกบางนา
- จบการศึกษา: โรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 37 (นรต.37)
- วุฒิการศึกษาสูงสุด: ปริญญาเอก 2 ใบ จากนิด้า (รัฐประศาสนศาสตร์) และ ม.รามคำแหง (สังคมศาสตร์)
ตำแหน่งสำคัญ:
- ผู้บังคับการจังหวัดสมุทรปราการ-ตราด
- ผู้บัญชาการกองบัญชาการศึกษา
- รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
- อดีตนายตำรวจราชองครักษ์
ทางธรรม: พระเมตตาธีโรกับแนวคิด “ปล่อยวางลาภยศ”
หลังเกษียณเมื่อปลายปี 2565 พล.ต.อ.วิระชัย อุปสมบท ณ วัดพระเชตุพนฯ โดยมีฉายาว่า เมตตาธีโร (นักปราชญ์ผู้มีเมตตา) และได้รับแต่งตั้งเป็น พระครูปลัดดิลกวรวัฒน์ ฐานานุกรมพระราชาคณะชั้นธรรม สังกัดวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
คำสอนสำคัญของพระวิระชัย:
- ลาภ ยศ ตำแหน่งต้องคืนฟ้า: อำนาจไม่จีรัง สิ่งสำคัญคือการเมตตาและอโหสิกรรม
- สุขแท้ในผ้าเหลือง: กล่าวว่าพบความสงบสูงสุดจากการปฏิบัติสติปัฏฐาน 4
- อโหสิกรรม: ปล่อยวางความแค้น ความผิดพลาดของตนและผู้อื่น
- เตือนตำรวจไทย: “หัวใจตำรวจต้องมีเมตตาธรรม”
พระวิระชัย ยังได้รับ “พัดรอง” จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อ 11 กรกฎาคม 2567 ณ ธรรมสถานพุทธมหาเมตตา
ปมขัดแย้งธุรกิจ – ศรัทธาสะเทือน
แม้จะบวชเป็นพระ แต่พระวิระชัยยังคงมีชื่อถือหุ้นใน 2 บริษัทพลังงานหมุนเวียนกว่า 22% ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับครอบครัว ทว่าหลังจากบวช กลับพยายามเข้ามีบทบาทในการบริหารบริษัท ทำให้เกิดความขัดแย้งกับอดีตภรรยาและลูก ๆ
จุดเริ่มต้นความขัดแย้ง: ฝ่ายครอบครัวพยายามไกล่เกลี่ย โดยเสนอเงินเดือน 1 ล้านบาทต่อเดือน หากไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการ แต่พระวิระชัยไม่ยินยอม จึงได้นำเอกสารสำคัญออกจากสำนักงานขณะยังครองผ้าเหลือง
หลักฐานสำคัญ: กล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ ทำให้บริษัทตัดสินใจแจ้งความที่ สน.บางรัก ในข้อหาลักทรัพย์และเอกสารของบริษัท
ประเด็นร้ายแรงทางพระธรรมวินัย: การกระทำขณะเป็นพระ อาจเข้าข่าย อาบัติปาราชิก (ต้องสึกทันที) เนื่องจากถือเป็นการ “ลักทรัพย์”
ผลกระทบและการสึก
พระวิระชัย ลาสิกขาในเดือนเมษายน 2568 และได้เคลื่อนไหวเชิงกฎหมายทันที โดยยื่นเรื่องร้องเรียน ก.ล.ต. เพื่อตรวจสอบกิจการบริษัท ซึ่งกลายเป็นชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ ฝ่ายอดีตภรรยาและผู้บริหารบริษัทจึงตัดสินใจเดินหน้าฟ้องคดีอาญาในนามบริษัทอย่างเป็นทางการ
ภาพสะท้อนทางสังคม
คดีนี้ไม่ได้สะเทือนเพียงแวดวงตำรวจหรือธุรกิจ แต่ยังสั่นคลอนความเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะต่อแนวคิด “ละทางโลก” เมื่อพระผู้ปฏิญาณตนจะบวชตลอดชีวิต กลับมีพฤติกรรมที่ละเมิดต่อทั้งกฎหมายและพระธรรมวินัย
บทสรุป
เรื่องราวของ พระวิระชัย เมตตาธีโร หรือ พล.ต.อ.วิระชัย สะท้อน “ภาพซ้อน” ของคนในเครื่องแบบ ผู้แม้เข้าสู่เพศบรรพชิตแล้ว ก็ยังไม่อาจปล่อยวางอำนาจและทรัพย์สิน เมื่อความขัดแย้งทางธุรกิจครอบครัวลุกลามจนกลายเป็นคดีอาญา จึงกลายเป็นบทเรียนเชิงศีลธรรมสำหรับสังคมไทย ทั้งในด้านการเมือง ธุรกิจ และวงการพระสงฆ์


