7 ปี คืนความบริสุทธิ์ เมื่อ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ “ตีตก” คดีสินบนโรลส์-รอยซ์ ปตท.
หลังไต่สวนกว่า 7 ปี ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ให้ข้อกล่าวหาอดีตผู้บริหาร ปตท. ในคดีสินบนโรลส์-รอยซ์ “ตกไปทั้งหมด” ยืนยันไม่พบพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ หรือการเรียกรับสินบน และไม่พบหลักฐานการเอื้อประโยชน์
หลังใช้เวลากว่า 7 ปี ในการไต่สวน คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ข้อกล่าวหาอดีตผู้บริหาร ปตท. ในคดีสินบนโรลส์-รอยซ์ “ตกไปทั้งหมด” ยืนยันว่าการดำเนินงานเป็นไปตามขั้นตอนทางธุรกิจและกฎระเบียบ ไม่พบการทุจริตหรือการเรียกรับสินบน ซึ่งไม่เพียงแต่พิสูจน์ความโปร่งใสในการดำเนินงาน แต่ยังเป็นการ “คืนความเป็นธรรมให้กับผู้บริสุทธิ์ ”
โดยเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้จัดการประชุมองค์คณะไต่สวน เพื่อพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงและเจ้าหน้าที่ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งถูกกล่าวหาว่าอาจกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท Rolls-Royce Energy System Inc. ในการจัดซื้อเครื่องเพิ่มแรงดันก๊าซธรรมชาติและอุปกรณ์
คดีนี้ครอบคลุมสำนวนหลักสองสำนวน คือ โครงการติดตั้งเครื่องเพิ่มแรงดันก๊าซธรรมชาติในทะเล (PCS) และโครงการก่อสร้างโรงแยกก๊าซอีเทน (ESP) ซึ่งมีการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างมาตั้งแต่ปี 2560
ในคดีโครงการติดตั้งเครื่องเพิ่มความดันก๊าซธรรมชาติในทะเล (PCS) ผู้ถูกกล่าวหาประกอบด้วย
1. นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และประธานกรรมการอำนวยการบริหารจัดการธุรกิจก๊าซธรรมชาติ
2. นายวิชัย พรกีรติวัฒน์ อดีตผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารโครงการ
3. นายสุวนันท์ ชาติอุดมพันธ์ อดีตผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ
4. นายสมชาย สินทราพรรณทร อดีตผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่จัดหา และจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ
5. นางศรีวรรณ เอี่ยมรุ่งโรจน์ อดีตผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่วางแผน
6. นายบวรเดช โกมลวาจ อดีตผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างติดตั้งเครื่องเพิ่มแรงดันก๊าซธรรมชาติ
ส่วนในคดีโครงการโรงแยกก๊าซอีเทน (ESP) มีผู้ถูกกล่าวหา 3 ราย ได้แก่
1. นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ (ซ้ำกับคดีแรก)
2. นายวิชัย พรกีรติวัฒน์
3. นายสุชาติ เทวีทิวารักษ์ อดีตผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างโรงแยกก๊าซอีเทน
ผลการไต่สวน: ไม่พบการทุจริตและสินบน
จากการตรวจสอบเชิงลึกขององค์คณะไต่สวน ป.ป.ช. พบว่า การจัดซื้อชุดเครื่องเพิ่มแรงดันก๊าซธรรมชาติในทะเล (PCS) และการจัดซื้อเครื่องจักรในโครงการโรงแยกก๊าซอีเทน (ESP) ด้วยวิธีพิเศษจาก Rolls-Royce Energy System Inc. นั้น “ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบ หรือเกิดความเสียหายแก่ ปตท.”
คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า การดำเนินโครงการเป็นไปตามขั้นตอนทางธุรกิจและระเบียบภายในของรัฐวิสาหกิจ ไม่มีพฤติการณ์ที่ผู้ถูกกล่าวหากระทำการใดเพื่อให้ Rolls-Royce ได้เปรียบ หรือเรียกรับผลประโยชน์ตอบแทนใดๆ
สำหรับข้อกล่าวหาเรื่องการจ่ายค่าตอบแทน หรือ “คอมมิชชั่น” ผ่านบุคคลที่สาม องค์คณะได้ตรวจสอบข้อมูลทางการเงินทั้งในและต่างประเทศแล้ว แต่ ไม่พบหลักฐานยืนยันการรับสินบนโดยตรงของผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด
มติเป็นเอกฉันท์ให้ “ข้อกล่าวหาตกไปทั้งหมด”
นอกจากนี้ องค์คณะไต่สวนยังได้ขยายผลตรวจสอบโครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 (GSP-6) ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจาก ESP และไม่ปรากฏพฤติการณ์ทุจริตเช่นกัน จึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป
รวมทั้งก่อนหน้านี้ ในปี 2566 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติ “ไม่รับไว้ไต่สวน” สำหรับ โครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 5 (GSP-5) และโครงการเพิ่มความดันก๊าซธรรมชาติบนบก (OCS3) เนื่องจากไม่พบมูลเหตุเพียงพอ
ส่งผลให้คดีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ปตท. ครอบคลุมโครงการหลักทั้ง 5 โครงการ คือ GSP-5, OCS3, PCS, ESP และ GSP-6 มีข้อยุติครบถ้วน
โดยเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ “ข้อกล่าวหาตกไปทั้งหมด” โดยยืนยันว่า “ไม่ปรากฏพฤติการณ์การทุจริตต่อหน้าที่ หรือการเอื้อประโยชน์แก่เอกชน และไม่พบการเรียกรับสินบนจากบริษัท Rolls-Royce Energy System Inc.”
สะท้อนความโปร่งใสและหลักฐาน
การยุติคดีนี้ถือเป็นจุดสิ้นสุดของกระบวนการไต่สวนที่ยาวนานกว่า 7 ปี การตัดสินให้ "ข้อกล่าวหาตกไปทั้งหมด" อย่างเป็นเอกฉันท์ ได้ช่วยคลี่คลายแรงสั่นสะเทือนที่เคยกระทบต่อภาพลักษณ์ของ ปตท. ในฐานะรัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน
มติดังกล่าวสะท้อนความเข้มแข็งของกลไกตรวจสอบภาครัฐ ที่สามารถแยกแยะระหว่าง "การดำเนินธุรกิจตามหลักวิชาชีพ" กับ "การกระทำอันมิชอบ" ได้อย่างชัดเจน
การตรวจสอบที่กินเวลาหลายปี จนกระทั่งมีการลงมติเอกฉันท์ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ถือเป็นกระบวนการที่สะท้อนว่า ความโปร่งใสและหลักฐานคือหัวใจของความยุติธรรม และช่วย "คืนความเชื่อมั่นให้กับทั้งองค์กรและสังคม" ได้อย่างเต็มที่


