posttoday

คู่สมรสร่วมทำธุรกิจ ยื่นภาษีแบบไหนให้ถูกต้อง?

06 สิงหาคม 2568

เมื่อคู่สมรสร่วมทำธุรกิจ คำถามสำคัญคือ "จะยื่นภาษีอย่างไร?" พร้อมไขข้อข้องใจเรื่องภาษีที่ควรรู้เพื่อความถูกต้อง!

เมื่อสามีภรรยาร่วมกันทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการขายของออนไลน์ เปิดร้านค้าเล็กๆ หรือกิจการภายในครอบครัว สิ่งที่หลายคนสงสัยคือ ต้องยื่น “ภาษีในฐานะคู่สมรส” หรือถือว่าเป็น “หุ้นส่วนธุรกิจ” กันแน่? และภาษีที่เกี่ยวข้องมีอะไรบ้าง?

ในกรณีที่จดทะเบียนสมรสและดำเนินธุรกิจร่วมกัน การเสียภาษีไม่ได้มีแค่รูปแบบเดียว แต่ขึ้นอยู่กับรูปแบบการจัดการรายได้และลักษณะของกิจการ โดยภาษีหลักๆ ที่อาจเกี่ยวข้องมี 3 ประเภท คือ

  1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
  2. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90/91)
  3. ภาษีเงินได้นิติบุคคล (กรณีจัดตั้งเป็นบริษัท ห้างหุ้นส่วน ฯลฯ)

ทั้งนี้สามีภรรยาที่ทำธุรกิจร่วมกัน อาจเข้าข่ายต้องเสียภาษีเพียงบางประเภท หรือครบทั้ง 3 แบบ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขทางธุรกิจ เช่น รายได้ต่อปี ลักษณะกิจการ และรูปแบบการจดทะเบียน สามารถอธิบายได้ดังนี้

รายได้เกิน 1.8 ล้านต่อปี คู่สมรสต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือไม่?

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) คือภาษีที่เรียกเก็บจากการขายสินค้าและให้บริการภายในประเทศ รวมถึงสินค้าที่นำเข้า โดยอัตราภาษีปัจจุบันอยู่ที่ 7% ตามกฎหมาย ผู้ประกอบธุรกิจที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้อง จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วัน นับจากวันที่รายได้ถึงเกณฑ์ และหลังจากนั้นต้อง ยื่นแบบและชำระ VAT เป็นรายเดือนอย่างต่อเนื่อง

ในกรณีที่สามีภรรยาทำธุรกิจร่วมกันและจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย หากรายได้รวมเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ก็ต้องจดทะเบียน VAT ในนาม "คู่สมรส" และเสียภาษีร่วมกัน ไม่สามารถแยกรายได้กันเพื่อเลี่ยงเกณฑ์ได้ เพราะในทางภาษีถือว่าเป็นหน่วยภาษีเดียวกัน

อย่างไรก็ตามหากรายได้ยังไม่ถึงเกณฑ์ 1.8 ล้านบาท ก็ยังไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน VAT แต่หากประสงค์จะจดเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ เช่น ขอคืนภาษีซื้อ ก็สามารถยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้เช่นกัน

คู่สมรส...ต้องยื่นภาษีบุคคลธรรมดาแบบไหน?

หากสามีภรรยาทำธุรกิจร่วมกัน แต่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ยังต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยคำนวณจากสูตร

(รายได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน) × อัตราภาษี (สูงสุด 35%) = ภาษีที่ต้องชำระ

ซึ่งต่างจากภาษีมูลค่าเพิ่มตรงที่ คู่สมรสสามารถเลือกวิธีการยื่นแบบภาษีได้หลากหลาย ตามที่กฎหมายเปิดช่องไว้ใน มาตรา 57 ฉ แห่งประมวลรัษฎากร โดยมี 3 วิธีหลักให้เลือก ดังนี้

1. ยื่นแบบฯ ร่วมกัน เหมาะสำหรับคู่สมรสที่มีรายได้ต่างกันมาก โดยเลือกยื่นภาษีในนามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แล้วรวมรายได้ทั้งหมดไว้ที่คนนั้น

  • ยื่นในนามสามี รายได้ของภรรยาและจากธุรกิจรวมกับรายได้ของสามี
  • ยื่นในนามภรรยา รายได้ของสามีและจากธุรกิจรวมกับรายได้ของภรรยา

2. ยื่นแยกกัน สามีภรรยาแยกรายได้จากธุรกิจที่ทำร่วมกัน แล้วต่างคนต่างยื่นแบบฯ และใช้สิทธิลดหย่อนของตนเอง

  • หากสามารถแยกรายได้ได้ชัดเจน ว่าส่วนไหนเป็นของใคร ก็ยื่นแยกตามจริง
  • หากแยกไม่ได้ชัดเจน ให้แบ่งรายได้เท่ากันคนละครึ่ง
  • หากตกลงกันได้ สามารถแบ่งรายได้ตามสัดส่วนที่เห็นสมควร
  • ถ้าตกลงกันไม่ได้ กฎหมายกำหนดให้แบ่งคนละครึ่ง

เหมาะสำหรับคู่สมรสที่มีรายได้พอกัน มีฐานภาษีและค่าลดหย่อนใกล้เคียงกัน การยื่นแยกจะช่วยเฉลี่ยภาระภาษีอย่างเหมาะสม

3. แยกเฉพาะเงินเดือน ยื่นรายได้อื่นรวมอีกฝ่าย ในกรณีที่ทั้งคู่มีรายได้จากงานประจำและธุรกิจร่วมกัน สามารถเลือกแยกเฉพาะเงินเดือนของตนเองมายื่นภาษี และให้อีกฝ่ายรับรวมรายได้จากธุรกิจและรายได้อื่นไปยื่นแทน

  • สามียื่นเฉพาะเงินเดือน ส่วนรายได้จากธุรกิจและอื่น ๆ ไปอยู่กับภรรยา
  • ภรรยายื่นเฉพาะเงินเดือน ส่วนรายได้จากธุรกิจและอื่น ๆ ไปอยู่กับสามี

เหมาะกับกรณีที่ฝ่ายหนึ่งมีเงินเดือนสูงและใช้สิทธิลดหย่อนเต็มแล้ว การกระจายรายได้อื่นให้ฝ่ายที่มีรายได้น้อยกว่าจะช่วยลดภาระภาษีโดยรวม

ตั้งบริษัทกับคู่สมรส เสียภาษีนิติบุคคลอย่างไร?

หากคู่สมรสที่ทำธุรกิจร่วมกันต้องการยกระดับกิจการเป็นนิติบุคคล เช่น บริษัทหรือห้างหุ้นส่วน สามารถจดทะเบียนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยไม่มีข้อห้ามใดๆ สำหรับสามีภรรยาในการถือหุ้นหรือเป็นกรรมการร่วมกัน เมื่อธุรกิจมีสถานะเป็น “นิติบุคคล” การจัดการภาษีจะเปลี่ยนไปจากเดิม โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ ดังนี้

1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล (ในนามบริษัท)

รายได้จากการดำเนินธุรกิจจะถูกรวมไว้ในชื่อของนิติบุคคล และต้องคำนวณภาษีจาก (รายได้ – ค่าใช้จ่าย) = กำไรสุทธิ แล้วนำกำไรสุทธิมาคิดภาษีตามอัตราที่กำหนด โดยทั่วไปไม่เกิน 20% ภาษีในส่วนนี้ต้องยื่นและชำระในนามของบริษัท ไม่ใช่ในนามสามีหรือภรรยา

2. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ในนามคู่สมรส)

ถึงแม้กิจการจะอยู่ในรูปแบบบริษัท แต่สามีและภรรยายังต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับรายได้ส่วนตัวที่ได้รับจากบริษัท เช่น เงินเดือน ค่าปันผล ดอกเบี้ย รายได้อื่นๆ ที่ไม่ใช่ของนิติบุคคล

การยื่นแบบฯ ส่วนบุคคลนี้ สามารถเลือกได้ว่าจะ ยื่นร่วมกัน หรือ ยื่นแยกกัน ตามแนวทางที่กล่าวไว้ในหัวข้อภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งขึ้นอยู่กับการวางแผนภาษีและลักษณะรายได้ของแต่ละฝ่าย

กล่าวโดยสรุป การยื่นภาษีสำหรับคู่สมรสที่ทำธุรกิจร่วมกัน มีรายละเอียดที่ควรทำความเข้าใจอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่จำเป็นต้องยื่นรวมกันในนามของสามีและภรรยา รวมถึง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งมีแนวทางการยื่นแตกต่างกันไปตามรูปแบบของธุรกิจ

ดังนั้นการศึกษาและวางแผนภาษีล่วงหน้า จึงเป็นสิ่งสำคัญก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจร่วมกัน เพราะจะช่วยให้คุณและคู่สมรสสามารถบริหารภาระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงจากการเสียภาษีเกินความจำเป็นในอนาคต

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่  Inflow Accounting   

ข่าวล่าสุด

GULF ผนึก Eni ลงนามซื้อ LNG เสริมมั่นคง พลังงานประเทศ