ค้าปลีกเวียดนาม

โดย...DJ [email protected]

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เผยข้อมูลค้าปลีกเวียดนาม โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนามได้ประมาณการมูลค่าการค้าปลีกในปี 2559 รวม 2.67 ล้านล้านด่อง (118 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้น 10.2% จากปี 2558 ถือว่าเติบโตในอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ ในอาเซียน โดยสถาบันเพื่อการค้าเวียดนาม (Vietnam Institute for Trade) คาดว่าในปี 2559-2563 ค้าปลีกเวียดนามจะเติบโตถึง 11.9% หรือมีมูลค่ามากถึง 179 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2563

สำหรับตลาดค้าปลีกแบบฟาสต์ โกรว์อิง (Fast Growing) ในเวียดนาม ผู้ค้าปลีกต่างชาติยังคงทยอยเข้ามาทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่าง เช่น กลุ่มทีทีซี (TTC) จากไทยที่โฟกัสการค้าปลีกแบบร้านสะดวกซื้อและแบบค้าส่ง โดยมีเอ็มเอ็ม เมก้ามาร์เก็ต (MM Mega Market) หรือชื่อเดิมว่า เมโทร แคช แอนด์ แครี่ (Metro Cash & Carry)

ซูเปอร์มาร์เก็ตแบบธรรมดาในตลาดเวียดนามแทบจะไม่มีการเติบโต เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค และคาดว่าการเติบโตของร้านสะดวกซื้อจะขยายตัวขึ้นอย่างมาก เนื่องจากผู้บริโภคในประเทศให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายมากขึ้น

กลุ่มเซ็นทรัล (Central) จากไทยเป็นอีกบริษัทหนึ่งที่เข้ามาทำธุรกิจค้าปลีกในเวียดนามและเป็นเจ้าของบิ๊กซี ซูเปอร์มาร์เก็ต เชน ในเวียดนาม ที่เตรียมจะปรับปรุงบิ๊กซีที่มีอยู่แล้วให้กลายเป็นห้างแบบไฮเอนด์ ทันสมัยและเป็นคอมเพล็กซ์ศูนย์การค้าที่มีบริการหลากหลาย โดยในช่วงปี 2560 จนถึงปี 2564 กลุ่มเซ็นทรัลมีแผนลงทุนประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเปลี่ยนแปลงห้างสรรพสินค้า 13 แห่งจากทั้งหมด 34 แห่งของบิ๊กซี ให้กลายเป็นช็อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่

ขณะที่ผู้ค้าปลีกภายในประเทศกำลังปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันของตัวเอง ตัวอย่างเช่น Saigon Co.op ซึ่งเป็นเจ้าของห้าง Co.opmart ซูเปอร์มาร์เก็ตเครือข่ายลูกโซ่ (ซูเปอร์มาร์เก็ต เชน) โดยเมื่อ
ไม่นานมานี้ได้เปิดตัวตลาดอาหารและศูนย์การค้าชื่อ Sense Market ที่โซน B ของสวนสาธารณะ ในใจกลางเมืองนครโฮจิมินห์ ตอบสนองความต้องการในการซื้อสินค้าและความบันเทิงของผู้บริโภคท้องถิ่น และความต้องการบริโภคอาหารของนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นอย่างดี

รวมถึงผู้ค้าปลีกต่างชาติรายอื่นๆ อาทิ Aeon, Auchan และ Lotte ก็กำลังขยายเครือข่ายของตนเช่นกันเพื่อรักษาและขยายส่วนแบ่งการตลาด นอกจากนี้ ยักษ์ใหญ่อย่าง 7-Eleven ก็กำลังจะเข้ามาในตลาดเวียดนาม โดยมีแผนที่จะเปิดร้านหลายร้อยสาขาในอนาคตอันใกล้

ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ เห็นว่านับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ส่งออกสินค้าและผู้กระจายสินค้าของไทยที่กำลังมองหาช่องทางการกระจายสินค้าจะเข้ามาเจรจากับเครือข่ายจำหน่ายสินค้าของทั้งสองกลุ่มนี้ ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้ยินดีที่จะช่วยสนับสนุนสินค้าไทยในตลาดเวียดนาม นอกจากช่องทางการค้าโมเดิร์นเทรดในแบบออฟไลน์แล้ว ผู้ประกอบการไทยอาจพิจารณาวางจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย เพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่ชื่นชอบความสะดวกและไม่มีเวลาออกไปเลือกซื้อสินค้าด้วยตนเอง

โดยรายชื่อเครือข่ายร้านค้าแบบโมเดิร์นเทรดและเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซในเวียดนามสามารถศึกษาและดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ www.ditp.go.th