ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ยกมาตรฐานรถเอสยูวี

โดย...พลพัต สาเลยยกานนท์

สัปดาห์นี้ขอพาคุณผู้อ่านทุกท่านไปร่วมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ของรถยนต์ในตระกูล อเนกประสงค์ (เอสยูวี) จากค่ายที่ต้องเรียกได้ว่าเป็นผู้นำเทรนด์ตลาดเป็นรายแรกๆ ที่บุกเบิกตลาดรถยนต์ในกลุ่มดังกล่าวนี้ นั่นก็คือ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ 

นับตั้งแต่เปิดตัว ฮอนด้า ซีอาร์-วี ทั่วโลก มียอดขายสะสมรวมอยู่ที่ 8.7 ล้านคัน จนกระทั่งรุ่นล่าสุดที่เป็นเจเนอเรชั่นที่ 5 แล้วนับตั้งแต่การแนะนำเข้าสู่ประเทศไทยในปี 2539 ซึ่งถือได้ว่าเป็นโมเดลที่มีส่วนสำคัญในการสร้างกระแสความนิยมรถยนต์ในกลุ่มเอสยูวีให้เพิ่มขึ้น

ณัฏฐ์ ปฏิภานธาดา ผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการวางแผนกลยุทธ์ กล่าวว่า นับตั้งแต่เปิดตัวในช่วงเดือน มี.ค. 2560 จนกระทั่งถึงปัจจุบันยอดจองของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ มีจำนวนอยู่ที่ 4,000 คัน โดยมีสัดส่วนอยู่ที่เครื่องยนต์ดีเซล 45% และเครื่องยนต์เบนซิน 55% โดยยอดจองดังกล่าวถือได้ว่าเป็นที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่งในการตอบรับเครื่องยนต์ดีเซลของผู้บริโภคที่มีต่อฮอนด้า เนื่องจากในช่วงการเปิดตัวครั้งแรก ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ที่เป็นรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลนั้นยังไม่มีให้ได้สัมผัสในโชว์รูม โดยคาดว่าหลังจากนี้ยอดขายจะไปที่เครื่องยนต์ดีเซลมากขึ้น

โอกาสนี้ “โพสต์ทูเดย์” ได้เข้าร่วมสัมผัส ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ที่เรียกได้ว่ามีความสดใหม่ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีและการออกแบบสุดล้ำ โฟกัสไปกันที่ รุ่นท็อปเครื่องยนต์ดีเซล

 

เข้าประเด็นเลยแล้วกันสำหรับจุดเด่นที่เป็นไฮไลต์ในรถยนต์คันนี้ ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม (Earth Dreams Technology) ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) ในอัตราที่ต่ำเพียง 141 กรัม ทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด

นับเป็นครั้งแรกของ ฮอนด้า ที่แนะนำเครื่องยนต์ดีเซลและเกียร์ 9สปีด ในรถยนต์รุ่นดังกล่าว โดยอารมณ์ความรู้สึกในการขับขี่ถือได้ว่ายังคงเป็นไปตามมาตรฐานฮอนด้า ที่ออกแบบการขับขี่ให้มีความสนุกสนานถึงแม้จะเป็นเครื่องยนต์บล็อกใหม่ก็ตาม การเรียกความเร็วในช่วงต้นทำได้ดีส่วนในช่วงย่านความเร็วสูงต้องจับจังหวะให้ดีเมื่อต้องการเร่งแซงตามคุณลักษณะของเครื่องยนต์ดีเซล

ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ต้องทำความเข้าใจของอัตราทดเกียร์ในบุคลิกใหม่กันสักเล็กน้อย จากระบบจะคำนวณอัตราทดเกียร์เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์แบบก้าวกระโดดจากเกียร์ 9 มายังเกียร์ 5 และจากเกียร์ 7 มาเกียร์ 4 โดยไม่ต้องไล่ระดับ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนเกียร์ 2 ระดับ หรือ 1 ระดับ รูปแบบอื่นๆ ด้วย เมื่อกดคันเร่งเพิ่ม อาจจะยังไม่คุ้นมากแต่ก็เชื่อว่าหากจับจังหวะได้ตรงจุดจะยิ่งสนุกสนาน

นอกจากนี้ ยังมีระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) ให้ได้ใช้งาน และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ E-DPS ทำงานโดยเปลี่ยนการควบคุมการส่งกำลังไปยังล้อหลังด้วยระบบไฟฟ้า ตอบสนองการทำงานได้รวดเร็วพร้อมกับให้แรงบิดที่ล้อหลังสูงขึ้น อีกทั้งเพิ่มความแม่นยำของการปรับแรงบิดที่ล้อหน้าและล้อหลังให้สมดุล ช่วงล่างนุ่มนวลขับขี่ได้มั่นใจแม้รถจะมีความสูง

ฮอนด้าเคลมอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ดีเซลไว้ที่ 18.9 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งจากการใช้งานจริงในรูปแบบชีวิตประจำวันบนท้องถนนปกติทำได้เฉลี่ย 13.3 กม./ลิตร ซึ่งอาจต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความร้อน รวมถึงสภาพการจราจรด้วย

ส่วนการออกแบบภายนอกและภายใน มีความทันสมัยโดดเด่น ภายใต้แนวคิดหลัก “Modern Functional Dynamic” เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแรงและสปอร์ตแต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหราในทุกมิติ เด่นๆ เลยต้องอยู่ที่คันเกียร์แบบเดิมๆ หายไป เปลี่ยนใหม่เป็นปุ่มกด ใช้งานง่ายทันสมัย ห้องโดยสารกว้างขึ้นเพิ่มพื้นที่นั่งสบาย อีกทั้งระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay ใช้งานดีขึ้น

นอกจากนั้น ยังมีระบบการลดเสียง แรงสั่นสะเทือน และความกระด้าง (Noise Vibration Harshness Performance-NVH) ลดแรงสั่นสะเทือนด้วยการติดตั้งเพลาถ่วงสมดุล และลดเสียงดังของการทำงานด้วยการนำสายพานแบบโซ่มาใช้ในเครื่องยนต์ มีการติดตั้งวัสดุดูดซับเสียงอย่างยูรีเทนใกล้กับตำแหน่งติดตั้งลำโพงซึ่งเป็นจุดที่ก่อให้เกิดเสียง ปรับปรุงการก่อให้เกิดการส่งผ่านของเสียงที่เกิดขึ้นจากถนน เช่น การใช้ซับเฟรมแบบลอยตัว การใช้ระบบช่วงล่างหลังแบบมัลติลิงก์ และการใช้บุชยางที่ภายในมีการบรรจุของเหลวเอาไว้กับระบบช่วงล่างทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และติดตั้งวัสดุดูดซับเสียงในห้องเครื่องยนต์

ทั้งหมดนี้ ทำให้ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ สร้างกระแสความนิยมรถยนต์และยกระดับมาตรฐานใหม่อีกครั้ง สำหรับคนที่มีใจรักรถยนต์ในกลุ่ม เอสยูวี ซึ่งมีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ ได้แก่ เบนซิน 2.4 ลิตร ราคาเริ่มต้น 1.39-1.54 ล้านบาท และดีเซล ราคาเริ่มต้น 1.54-1.69 ล้านบาท