ต้องมี"ตูน บอดี้สแลม"วิ่งอีกกี่คน? เงินถึงจะพอช่วยรพ.ทุรกันดารทั่วประเทศ
หากรัฐบาลเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องจะทำให้ “ตูน บอดี้สแลม”ทำงานหนักน้อยลงและตรงเป้าหมายขึ้น
โดย...เอกชัย จั่นทอง
ปรากฏการณ์ นักร้องชื่อดังอย่าง “ตูน บอดี้สแลม” อาทิวราห์ คงมาลัย หนุ่มร็อกเกอร์ชื่อดัง ที่ปลุกกระแสลุกขึ้นมาสวมร้องเท้าผ้าใบวิ่งระดมทุนหาเงินบริจาคเริ่มโครงการ "ก้าวคนละก้าว" วิ่งจากใต้สุดแดนสยาม ที่ อ.เบตง จ.ยะลา สู่ภาคเหนือสูงสุดของประเทศไทย ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ระยะทาง 2,191กิโลเมตร ใช้เวลาวิ่งเกือบ 2 เดือน เป้าหมาย 700 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนหาซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลจำนวน 11 แห่งอีกครั้ง ในพื้นที่ทุรกันดาร จนเกิดคำถามขึ้นสารพัดทำไมต้องออกวิ่งหาเงินให้กับโรงพยาบาล จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
เกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้ สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ รองประธานชมรมแพทย์ชนบทภาคใต้ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จ.ยะลา ความเห็นว่า ต้องขอบคุณและชื่นชม”ตูน บอดี้สแลม”ที่ลุกขึ้นมาวิ่งระดมทุนบริจาคเงินเพื่อนำไปมอบให้กับโรงพยาบาลถิ่นทุรกันดาร 11 แห่ง ซึ่งความจริงคนไทยพร้อมบริจาคเงินเพียงแต่ต้องการคนที่ประชาชนเชื่อมั่นและเชื่อถือจะมาเป็นตัวหลักระดมทุน
“ต้องยอมรับงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขมีน้อย เพราะว่ารัฐบาลจัดสรรให้กระทรวงสาธารณสุขน้อย เนื่องจากเห็นว่าการดูแลสุขภาพของประชาชนเป็นภาระของประเทศ เป็นวิธีคิดที่แย่มาก ขณะเดียวกันเวลาเพิ่มงบประมาณในแต่ละปีก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
ทว่า แต่ไม่ใช่หน้าที่ของ “ตูน บอดี้สแลม” ที่ต้องมาวิ่งระดมทุนหาเงินบริจาคให้โรงพยาบาล 700กว่าแห่งทั่วประเทศ กลับกันมันคือหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาล ในใจลึกๆหวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหันมาให้ความสนใจเรื่องอุปกรณ์ทางแพทย์และการจัดการในโรงพยาบาล” หมอสุภัทร คาดหวัง
สุภัทร ยังมองปรากฏการณ์วิ่งครั้งนี้ด้วยว่า ส่วนตัวคิดว่าการวิ่งของ “ตูน บอดี้สแลม” คงไม่เกิดผลในระยะยาวเท่าไหร่ เพราะคนบริจาคเงินเพราะ ”ตูน บอดี้สแลม”วิ่ง ไม่อาจทำให้ประชาชนเปลี่ยนใจมาบริจาคแบบต่อเนื่องให้กับโรงพยาบาล แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดคุณูปการกับกระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาลจะรู้สึกหรือไม่ว่านั่นคือหน้าที่รัฐบาลไม่ใช่หน้าที่ของ “ตูน บอดี้สแลม”ที่ต้องมาวิ่งหาเงินช่วยโรงพยาบาล
หวังว่าอย่างน้อยการลุกขึ้นมาวิ่งครั้งนี้ทำให้เห็นว่ามีคนดีๆมีชื่อเสียงมาช่วย และมองเห็นความสำคัญเรื่องสุขภาพ เพราะปกติไม่ค่อยมีส่วนใหญ่จะทำบุญบริจาควัด โรงเรียน และโรงพยาบาลขนาดใหญ่
เช่นเดียวกับ เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท และผู้อำนวยหารโรงพยาบาลชุมแพ จ.ขอนแก่น ตั้งคำถามกับเรื่องนี้ว่า ต้องมี “ตูน บอดี้สแลม” อีกกี่คนถึงจะเพียงพอกับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ สำหรับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพมีค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นตลอด และสิ่งที่เราจำเป็นต้องใช้ก็เพิ่มมากขึ้น หากมีประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเข้าไปดูแลจะเกิดประโยชน์มาก แต่ต้องสอดคล้องกับทิศทางการกระจายทรัพยากรของรัฐบาลโดยหลัก
เกรียงศักดิ์ ปรารภอีกว่า สำหรับการขาดแคลนงบประมาณนั้น ยอมรับว่าขาดแคลนทั้งหมด เพียงแต่มากน้อยเฉลี่ยกันไป ถ้ามองโดยรวมต้องยอมรับว่าในพื้นที่ชนบทหรือโรงพยาบาลชุมชนส่วนใหญ่ขาดแคลนมากกว่า เพราะว่าในช่วง 10 ปีหลัง รัฐบาลลงทุนกับโรงพยาบาลขนาดเล็กน้อยมาก ตัวอย่าง จากที่ตูนวิ่งระดมทุนเงินให้กับโรงพยาบาลบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นั่นเป็นเพียงโรงพยาบาล 1 ใน 700 แห่งที่สะท้อนให้เห็นว่ามีทรัพยากรน้อย
“ถ้าเราไม่ไปลงทุนในโรงพยาบาลขนาดเล็ก โรงพยาบาลขนาดใหญ่โตยังไงก็ไม่เพียงพอกับบริการ เพราะประชาชนเข้าไปใช้บริการแต่โรงพยาบาลขนาดใหญ่หมด แต่ถ้าเราดักพัฒนาตั้งแต่โรงพยาบาลขนาดเล็กให้เจริญเพียงพอ เทียบเท่าโรงพยาบาลใหญ่ประชาชนก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปรักษาในโรงพยาบาลจังหวัด หนำซ้ำยังลดค่าใช้จ่ายเดินทางของผู้ใช้บริการอีกด้วย”
ประธานชมรมแพทย์ชนบท เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาหลายปีการลงทุนในโรงพยาบาลขนาดเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบงบประมาณไปลงทุนในโรงพยาบาลขนาดใหญ่มากกว่า พอโรงพยาบาลขนาดใหญ่มากขึ้นยังไงก็ไม่เพียงพอกับบริการ เพราะเราไม่ลงทุนพัฒนาโรงพยาบาลขนาดเล็กประชาชนจึงแห่เข้ามาใช้บริการแต่โรงพยาบาลใหญ่ๆหมด
“หากเราพัฒนาโรงพยาบาลระดับล่างแล้วจะสามารถกำหนดได้ว่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่ควรพัฒนาไปอย่างไรเท่าไหร่ เพราะเราไม่เห็นสัดส่วนที่เหมาะสม”
“ถ้าถามว่า 700 ล้านบาทที่วิ่งระดมทุนทำอะไรได้มากหรือไม่ ก็อาจไม่มากหากเทียบกับงบประมาณ แต่ก็ดีกว่าไม่มีเงินตรงนี้มาสนับสนุน กลับกันอย่างรพ.บางสะพาน ที่ได้รับเงินบริจาคจากตูนคราวก่อน 80 ล้านบาท ถือว่าประสบความสำเร็จมาก รพ.เกิดการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด ใช้ประโยชน์จากเงินได้เต็มที่ และรพ.บางสะพานจะโดนลดงบประมาณไปหรือไม่ เพราะได้รับเงินบริจาค อันนี้ก็เป็นคำถาม”
อย่างไรก็ตาม ถ้ารัฐบาลมีทิศทางถูกต้องบริหารจัดการในอีก 10 ปี 20 ปี ข้างหน้า โรงพยาบาลต่างๆควรจะอยู่ในสเตตัสแบบใด เช่นโรงพยาบาลขนาดนี้ต้องมีกี่เตียง รองรับผู้ป่วยได้เท่าไหร่ การดูแลเครือข่ายให้สมบูรณ์แบบไหน ถ้ามองไม่ออกว่าการลงทุนพัฒนาจากโรงพยาบาลขนาดเล็กก่อน ยังไงโรงพยาบาลขนาดใหญ่ให้มีจำนวนมากเท่าใดก็ไม่เพียงพอ เพราะสุดท้ายชาวบ้านก็เข้ามาใช้โรงพยาบาลขนาดใหญ่หมดเหมือนเดิม
การวิ่งในครั้งนี้สะท้อนอย่างชัดเจนว่า เป็นการกระตุกภาครัฐให้หันมาสนใจและต้องตะขิดตะขวงใจบ้างว่าสิ่งที่ตูนทำ ได้สะท้อนให้เห็นว่าการจัดการของภาครัฐยังไม่ดีพอ จนทำให้“ตูน บอดี้สแลม” ต้องออกมาวิ่งระดมทุนอีกครั้ง


