เมื่อ ChatGPT กำลังจะมีโฆษณา อาจทำให้ข้อเท็จจริงสับสนยิ่งขึ้น
เมื่อ ChatGPT เตรียมรับโฆษณาออนไลน์จากอีคอมเมิร์ซ คำถามใหญ่คือคุณภาพ ความเป็นกลาง และความปลอดภัยของผู้ใช้งานจะถูกกระทบแค่ไหน?
KEY
POINTS
- OpenAI กำลังพิจารณานำโฆษณาเข้ามาใน ChatGPT เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม ซึ่งอาจทำให้คำตอบที่ได้ขาดความเป็นกลางและเอนเอียงไปทางผู้สนับสนุนโฆษณา
- ความสามารถในการสนทนาที่เหมือนมนุษย์ของ AI อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือโน้มน้าวใจให้ผู้ใช้ซื้อสินค้าอย่างแนบเนียน โดยอาศัยความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ
- การมีโฆษณาจะทำให้ผู้ใช้แยกแยะระหว่างข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงกับเนื้อหาเชิงพาณิชย์ได้ยากขึ้น นำไปสู่ความสับสนและความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
- การให้ความสำคัญกับรายได้จากโฆษณาอาจส่งผลเสียต่อคุณภาพและความแม่นยำของ AI ในระยะยาว ทำให้ความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์มลดลง
ปัจจุบันเชื่อว่าการใช้งาน Chatbot เป็นเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวันของหลายท่าน จากความสะดวกสบายที่ช่วยงานได้หลากหลายกลายมาเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญ บ้างก็นำมาใช้เล่นสนุกเป็นงานอดิเรก บางท่านก็อาจนำ AI มาเป็นเพื่อนคุยคลายเหงาแบ่งปันเรื่องราวในชีวิต
แต่ด้วยแนวโน้มล่าสุดเราอาจต้องกลับมาตั้งคำถามกันอีกครั้ง เมื่อ ChatGPT อาจเริ่มรับโฆษณาออนไลน์
การรับโฆษณาออนไลน์ของ ChatGPT แนวโน้มที่อาจนำไปสู่อันตราย
เราทราบกันดีว่าอุตสาหกรรม AI มีอัตราการแข่งขันสูงมาก ทุกบริษัทต่างใช้ต้องพัฒนาให้โมเดลรวดเร็ว ฉลาด และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นั่นนำไปสู่ต้นทุนมหาศาลทั้งค่าใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ไปจนค่าตัวบุคลากร ที่แม้จะมีผู้ใช้งานนับล้านยอมจ่ายค่าบริการก็ยังไม่เพียงพอต่อต้นทุนการผลิต
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต้องมองหาช่องทางทำกำไรเพิ่มเติม หนึ่งในนั้นคือการร่วมมืออกับ Shopify หนึ่งในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของโลก โดยมีข้อตกลงว่า OpenAI จะได้รับส่วนแบ่งรายได้จากยอดขายของ Shopify เมื่อมีรายได้ที่เกิดขึ้นจากการให้คำแนะนำสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม
จริงอยู่วิธีการนี้อาจไม่ได้ต่างจากแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เราใช้งานกันมากนัก บริการฟรีบนแพลตฟอร์มออนไลน์แท้จริงเราก็ต้องจ่ายด้วยข้อมูลส่วนตัวและโฆษณากันอยู่แล้ว แต่ที่ทำให้เป็นประเด็นคือ การนำโฆษณาและรายได้จากยอดขายเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจส่งผลกระทบทั้งต่อผู้ใช้งานและตัวโมเดลในระยะยาว
จริงอยู่การโฆษณาผ่าน ChatGPT ยังไม่มีการนำมาใช้งาน แต่จะขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับบริการที่มีในปัจจุบัน
ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการรับโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์
แพลตฟอร์มบนโลกออนไลน์ที่มีการโฆษณามีอยู่หลายรูปแบบ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เราใช้งานและพบเห็นอยู่ทุกวันคือ Google ที่มีการยิงแอดตามเว็บไซต์ นำเสนอบนผลการค้นหา ไปจนการเด้งโฆษณาระหว่างการใช้บริการแพลตฟอร์มแบบ Youtube ที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัทเป็นกอบเป็นกำ
อย่างไรก็ตามโฆษณาของ Google ก็มีประเด็นปัญหาในหลายด้าน ทั้งการถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้านความเป็นส่วนตัว ที่มีการติดตามข้อมูลผู้ใช้งานทั้งในเว็บเบราเซอร์(Chrome) แพลตฟอร์ม(Youtube) เว็บไซต์(Google) เครื่องมือ(Google doc) ไปจนระบบปฏิบัติการ(Android) นำไปสู่การเก็บและใช้งานข้อมูลผู้ใช้อย่างกว้างขวาง เพื่อให้ยิงโฆษณาได้แม่นยำ
ประเด็นต่อมาคือเนื้อหาในโฆษณาไม่มีการตรวจสอบคัดกรองความถูกต้อง หลายครั้งกลายเป็นช่องทางนำเสนอเผยแพร่เนื้อหาสุดโต่ง เช่น การต่อต้านวัคซีน เนื้อหาโฆษณาเกี่ยวกับล่อลวงหรือฉ้อโกง การผูกขาดตลาด หรือการนำเสนอโฆษณาไปยังเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาละเอียดอ่อนสุ่มเสี่ยง ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์และแบรนด์ที่ลงโฆษณา
ทางด้าน Meta เองก็มีประเด็นไม่แพ้กัน หนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram คือ เนื้อหาโฆษณามีการฉ้อโกง หลอกลวง และสวมรอยปริมาณมหาศาล นำไปสู่ปัญหาการถูกฉ้อโกงจำนวนมาก ที่แม้ทางบริษัทจะดำเนินมาตรการแก้ไขก็ยังไม่ดีขึ้นมากนัก
นอกจากนี้การยิงโฆษณาของ Meta ก็มีการเก็บข้อมูลเป็นวงกว้างจนเกิดข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัว การเผยแพร่เนื้อหาที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดโดยไม่มีการตรวจสอบ นำไปสู่การเผยแพร่ข้อมูลที่มีความบิดเบือนสูง เนื้อหาโฆษณาบางประเภท เช่น เนื้อหาประวัติศาสตร์ถูกปฏิเสธแบบไม่มีเหตุผลเพียงพอ จึงมีประเด็นในด้านความโปร่งใสเช่นกัน
และนี่เป็นปัญหาที่เกิดจากแพลตฟอร์มค้นหา ดูวีดีโอ หรือโซเชียลทีเดียเท่านั้น เรื่องจะยิ่งซับซ้อนเมื่อเป็น AI Chatbot
ความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อโฆษณามาสู่ ChatGPT
ถ้าจะให้พูดการที่ OpenAI จับมือกับ Shopify อาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสียหมด การมาถึงของแหล่งรายได้อื่นอาจทำให้ค่าบริการของโมเดล AI ถูกลงหรือเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสะดวกสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการเลือกซื้อสินค้าอยู่แล้ว ที่จะมีขั้นตอนเข้าถึงและจับจ่ายที่สะดวกพร้อมเป็นอัตโนมัติยิ่งขึ้น
อย่างแรกสุดคือ เมื่อมีโฆษณาเข้ามาเกี่ยวข้องสิ่งที่เกิดขึ้นคือความลำเอียง เหมือนที่ Google นำเสนอผลการค้นหาแรกสุดในบางกรณีเป็นเนื้อหาที่ได้รับการสนับสนุน เป็นไปได้สูงว่าอาจเกิดขึ้นกับ ChatGPT ได้เช่นกัน ซึ่งนั่นจะทำให้เนื้อหาที่ได้และสร้างขึ้นขาดความเป็นกลาง ส่งผลต่อการใช้งานโดยตรง
อันดับถัดมากลไกการทำงานของ AI Chatbot ต่างจากการโฆษณาและขายวิธีอื่นมาก ความรอบรู้และมั่นใจในข้อมูลที่แม้จะผิดพลาดแบบสุดโต่ง พร้อมคุณสมบัติทั้งด้านวาทศิลป์ การตลาด ไปจนจิตวิทยา ทำให้โมเดล AI ทั้งหลายเหมาะสมต่อการเป็นพนักงานขายมาก ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานโดนล่อลวงให้ซื้อสินค้าง่ายขึ้น
นอกจากนี้ปัจจุบันผู้ใช้งานจำนวนมากยังพูดกับโมเดล AI อย่างสนิทสนมผูกพัน จึงเป็นเรื่องง่ายมากที่ Chatbot จะโน้มน้าวผู้ใช้งานให้ซื้อสินค้า โดยอาศัยฐานข้อมูลการสนทนาที่เคยมี ความสนิทสนมเชื่อใจ ไปจนวาทศิลป์ต่างๆ ซึ่งอาจชักนำการซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อผู้ใช้งานเป็นวงกว้าง
ด้วยกระบวนการทั้งหมดนี้ทำให้ AI Chatbot สามารถเป็นยอดนักขายชั้นหนึ่ง สามารถสร้างยอดขายผ่านกลไกมากมายได้อย่างแนบเนียน แต่สำหรับผู้ใช้งานในระยะยาวอาจเป็นผลเสีย เพราะความเป็นกลางและแม่นยำของ AI ที่น้อยลง จะส่งผลต่อคุณภาพคำตอบในระยะยาว
นั่นทำให้แม้จะสร้างรายได้อย่างมหาศาลแต่ก็เป็นก้าวที่สุ่มเสี่ยงต่อ OpenAI เป็นอย่างยิ่ง
การนำโฆษณามาใส่ในแพลตฟอร์มอาจเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงได้ยาก แม้จะไม่นับ OpenAI แต่ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องเกิดขึ้น เพราะบริษัท AI อื่นอย่าง Google หรือ Meta ก็เป็นบริษัทที่เติบโตและสร้างรายได้จากโฆษณาเป็นมูลค่ามหาศาล และคาดว่าในไม่ช้าก็คงต้องหาทางใส่โฆษณาเข้ามาใน AI Chatbot ในสักทางอยู่ดี
คงได้แต่คาดหวังว่าการอัปเดตเข้ามาครั้งนี้จะไม่ทำลาสคุณภาพโดยรวม แบบที่เคยเกิดในหลายแพลตฟอร์ม
ที่มา
https://techcrunch.com/2023/11/28/google-gsp-risks-adalytics-report/
https://arxiv.org/abs/1904.02095?
https://www.emarketer.com/content/google-cracks-down-on-ad-fraud-scheme-after-ias-report


