YouTube ปล่อย AI ยกชุด หวังมัดใจครีเอเตอร์ สู้ TikTok-Instagram
คลิกเดียวจบ! YouTube พลิกโฉมการสร้างวิดีโอด้วย AI ไม่ต้องง้อโปรดักชันใหญ่ หวังมัดใจครีเอเตอร์ สู้ TikTok-Instagram แค่ป้อนไอเดียเป็นข้อความ AI ก็เนรมิตคลิปได้ดั่งใจ
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า YouTube ประกาศเปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์ Generative AI ครั้งใหญ่ โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้งานในวงกว้าง ทั้งฝั่งครีเอเตอร์และผู้บริโภคทั่วไป
นับเป็นความพยายามครั้งสำคัญของแพลตฟอร์มวิดีโออันดับหนึ่งของโลก ที่จะแสดงให้เห็นว่าการลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์กำลังผลิดอกออกผลอย่างเป็นรูปธรรม
ฟีเจอร์ที่เผยโฉมในงาน "Made on YouTube" เมื่อวันอังคาร ก้าวล้ำไปไกลกว่าเครื่องมือตัดต่อวิดีโอด้วย AI ทั่วไปที่ YouTube และคู่แข่งในวงการโซเชียลมีเดียเคยนำเสนอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
โดยหลายฟีเจอร์ถูกออกแบบมาเพื่อสมรภูมิ "วิดีโอสั้น" หรือ YouTube Shorts โดยเฉพาะ ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดว่า YouTube พร้อมแล้วที่จะลงมาคลุกวงใน แย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกับคู่แข่งอย่าง TikTok และ Instagram อย่างเต็มรูปแบบ
หัวใจสำคัญของนวัตกรรมครั้งนี้คือ Veo 3 Fast โมเดล AI จาก Google DeepMind ที่สามารถสร้างวิดีโอและเสียงที่สมจริง ทั้งเสียงบทสนทนาและซาวด์เอฟเฟกต์ ได้ภายในไม่กี่วินาที เพียงแค่ป้อนคำสั่งข้อความ (prompt) ง่ายๆ ผ่านสมาร์ทโฟน
โยฮันนา วูลิช (Johanna Voolich) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ YouTube กล่าวในบล็อกโพสต์ว่า
"เมื่อ 20 ปีก่อน YouTube เริ่มต้นจากวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้ทุกคนมีเวทีระดับโลกเป็นของตัวเอง และวันนี้ เราได้เห็นแล้วว่าครีเอเตอร์ได้เข้ามาปฏิวัติวัฒนธรรมและความบันเทิงในแบบที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อน"
พร้อมเปิดเผยว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา YouTube ได้จ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้ครีเอเตอร์ทั่วโลกไปแล้วกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
อีกไม่นานเกินรอ ครีเอเตอร์จะสามารถใช้ Veo 3 Fast เพื่อสร้างฉากหลังหรือสเปเชียลเอฟเฟกต์สุดตระการตาให้กับ YouTube Shorts ได้อย่างอิสระ
ไม่เพียงเท่านั้น เหล่าพอดแคสเตอร์ยังสามารถแปลงไฟล์เสียงของตนให้กลายเป็นคลิปวิดีโอประกอบได้อย่างง่ายดาย ขณะที่ผู้จัดรายการวิดีโอพอดแคสต์ ก็จะมีเครื่องมือ AI ช่วยตัดต่อคลิปไฮไลท์เด็ดๆ เพื่อนำไปโปรโมตต่อได้ทันที
นอกจากนี้ ยังมี Ask Studio เครื่องมือ AI ที่เปรียบเสมือน "เพื่อนคู่คิดที่ไว้ใจได้" ของครีเอเตอร์ คอยให้คำแนะนำและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคอนเทนต์ต่างๆ รวมถึงเทคโนโลยีการพากย์เสียงที่จะฉลาดขึ้น
ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีนี้ได้ช่วยแปลวิดีโอไปแล้วกว่า 60 ล้านคลิปใน 20 ภาษา เพื่อให้ครีเอเตอร์เข้าถึงผู้ชมได้กว้างขึ้น และที่น่าจับตามองคือ Lyria 2 โมเดล AI ด้านดนตรี ที่สามารถเปลี่ยน "คำพูด" ให้กลายเป็น "บทเพลง" ประกอบวิดีโอได้อย่างน่าอัศจรรย์
ฝั่งแบรนด์และภาคธุรกิจก็จะได้รับประโยชน์จากการรุกคืบด้าน Generative AI ของ YouTube เช่นกัน โดยแพลตฟอร์มจะนำ AI มาใช้ในแดชบอร์ด Google Ads ของผู้ลงโฆษณา
เพื่อแนะนำครีเอเตอร์ที่เหมาะสมกับแคมเปญของแบรนด์ และยังนำ AI มาใช้ใน YouTube Shopping เพื่อช่วยให้ผู้ขายและครีเอเตอร์สามารถแท็กสินค้าในวิดีโอได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น
แน่นอนว่าในสมรภูมิ AI อันดุเดือดนี้ YouTube ไม่ได้เคลื่อนไหวอยู่เพียงลำพัง บริษัทแม่อย่าง Alphabet กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้นจาก Meta ที่ทุ่มสุดตัวกับโฆษณา AI บน Instagram และ Facebook
รวมถึง X (เดิม Twitter) ของ อีลอน มัสก์ ที่มีแผนใช้ AI พลิกโฉมธุรกิจโฆษณาและระบบตรวจสอบข้อเท็จจริง
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความก้าวล้ำนี้ ก็มาพร้อมกับความท้าทายใหม่ๆ ทั้งปัญหาข้อมูลบิดเบือน ข่าวปลอม และการสวมรอยตัวตนด้วยเทคโนโลยี Deepfake
ซึ่ง YouTube ตระหนักดีถึงปัญหานี้ และกำลังจะเปิดให้ครีเอเตอร์เข้าถึงเครื่องมือตรวจจับที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อสแกนและแจ้งลบคอนเทนต์ที่ละเมิดไอเดียของพวกเขาได้ง่ายกว่าเดิม
"เป้าหมายของเราคือการสร้างเทคโนโลยี AI ที่ส่งเสริมพลังสร้างสรรค์ของมนุษย์อย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งนั่นหมายรวมถึงการปกป้องครีเอเตอร์และธุรกิจของพวกเขาด้วย" อัมจาด ฮานิฟ (Amjad Hanif) รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์สำหรับครีเอเตอร์ กล่าวทิ้งท้าย


