posttoday

DeepMind ชี้ AI จ่อปฏิวัติวงการยา ย่นเวลาหลักปี เหลือหลักเดือน

13 กันยายน 2568

ซีอีโอ DeepMind ลั่น AI จ่อปฏิวัติการแพทย์ ย่นเวลาค้นพบยารักษามะเร็งจากหลายปีเหลือไม่กี่เดือน ปูทางสู่อนาคตที่มะเร็งเป็นแค่โรคเรื้อรังที่สามารถควบคุมได้

 

เดมิส ฮาสซาบิส (Demis Hassabis) ซีอีโอของ Google DeepMind และผู้ได้รับรางวัลโนเบล ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg ว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังจะเข้ามาพลิกโฉมวงการเภสัชกรรมครั้งใหญ่ โดยอาจช่วยลดระยะเวลาการค้นพบยาใหม่จากที่เคยใช้เวลาหลายปี ให้เหลือเพียงไม่กี่เดือน

 

"ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ผมอยากเห็นระยะเวลานั้นลดลงเหลือเพียงไม่กี่เดือน หรืออาจจะเร็วกว่านั้นด้วยซ้ำ"

 

ปัจจุบัน ฮาสซาบิส ดำรงตำแหน่งผู้บริหารของ Google DeepMind ซึ่งเป็นหน่วยงานด้าน AI ของบริษัทแม่ Alphabet และยังดูแล Isomorphic Labs ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทในเครือที่มุ่งเน้นการค้นพบยาโดยเฉพาะ

 

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 Isomorphic Labs ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัทยายักษ์ใหญ่อย่าง Eli Lilly & Co. และ Novartis AG

 

กลุ่มบริษัทเภสัชกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพต่างยกย่องการค้นพบยาด้วย AI ว่าเป็นหนทางที่จะช่วยเร่งให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น ลดต้นทุนการพัฒนา และตอบสนองต่อวิกฤตด้านสาธารณสุขได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

 

แม้ว่าวงการนี้จะมีความก้าวหน้าอย่างมากในการใช้คอมพิวเตอร์และอัลกอริทึมเพื่อทำความเข้าใจข้อมูลโมเลกุลมหาศาล

 

แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มียาที่ออกแบบโดย AI ตัวใดผ่านการทดลองทางคลินิก (clinical trial) ที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งหมายความว่ายังไม่มียาชนิดใดไปถึงมือผู้ป่วยจริงๆ

 

 

ก่อนหน้านี้ในเดือนมกราคม ฮาสซาบิสเคยตั้งเป้าว่าจะเริ่มการทดลองทางคลินิกภายในสิ้นปีนี้ แต่ล่าสุดเขายอมรับว่าแผนยังไม่เกิดขึ้นจริง โดยระบุเพียงว่าบริษัทมี "สัญญาณบวกขั้นต้น" แล้ว แต่ยังเร็วเกินไปที่จะกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนได้

 

ความสำเร็จทั้งหมดนี้มีรากฐานมาจาก AlphaFold ระบบ AI ที่สร้างชื่อเสียงให้ DeepMind จากความสามารถในการทำนายโครงสร้างโปรตีนได้อย่างแม่นยำ จนส่งให้ฮาสซาบิสและทีมงานคว้ารางวัลโนเบลสาขาเคมีมาครอง

 

และในปัจจุบัน เขายังเปิดเผยว่ากำลังพัฒนา AlphaFold เวอร์ชันใหม่ที่ "ล้ำหน้ากว่าเดิมมาก" ให้สามารถเข้าใจปฏิสัมพันธ์ทางชีววิทยาที่ซับซ้อนยิ่งกว่าโปรตีน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เขาเชื่อว่ามีศักยภาพผลักดันให้ Isomorphic Labs กลายเป็นธุรกิจมูลค่ากว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐได้ในอนาคต

 

ในทางปฏิบัติ Isomorphic Labs กำลังมุ่งเป้าไปที่การพัฒนายารักษามะเร็งและโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน รีเบคกา พอล (Rebecca Paul) ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบยาของบริษัท กล่าวว่า เป้าหมายสูงสุดคือการใช้ AI เปลี่ยนมะเร็งร้ายให้กลายเป็นเพียงโรคเรื้อรังที่ควบคุมได้

 

เช่นเดียวกับความคืบหน้าในการร่วมมือกับ Novartis ที่ล่าสุดได้ขยายเป้าหมายการวิจัยยาจาก 3 ตัวเป็น 6 ตัวแล้ว ซึ่งพอลยืนยันว่า "มีความก้าวหน้าที่ดีมาก" แม้จะยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้

 

ข่าวล่าสุด

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบ นักลงทุนจับตาประชุมเฟดลุ้นทิศทางดอกเบี้ย