Elsa AI Chatbot ที่ช่วยให้ประเมินเอกสารอนุมัติยาเสร็จใน 6 นาที
Elsa เครื่องมือ AI รุ่นใหม่ของ FDA ประมวลผลข้อมูลใน GovCloud ช่วยสรุป วิเคราะห์ และเปรียบเทียบเอกสารได้แม่นยำและรวดเร็วในเวลาไม่กี่นาที
KEY
POINTS
- Elsa คือเครื่องมือ AI ที่พัฒนาโดยองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) เพื่อช่วยตรวจสอบและสรุปเอกสารในการอนุมัติยาและอุปกรณ์การแพทย์
- สามารถลดระยะเวลาการตรวจสอบข้อมูลที่ซับซ้อนจากเดิมที่ใช้เวลา 2-3 วัน ให้เสร็จสิ้นได้ภายใน 6 นาที
- AI ถูกพัฒนาขึ้นบนเซิร์ฟเวอร์ความปลอดภัยสูง (GovCloud) เพื่อจัดการข้อมูลที่เป็นความลับของภาครัฐและสิทธิบัตรยาโดยเฉพาะ
- Elsa ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย ไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ โดยยังต้องมีเจ้าหน้าที่คอยกำกับดูแลและตรวจสอบความถูกต้องก่อนการอนุมัติขั้นสุดท้าย
ปัจจุบัน AI เข้ามามีบทบาทในแวดวงการทำงานแทบทุกวงการ ตั้งแต่การสรุปเอกสาร จัดการรายละเอียด ไปจนเขียนโค้ด ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขึ้นมาก หลายองค์กรและบริษัทต่างทยอยปรับตัวและนำ AI เข้ามาช่วยระบบการทำงาน และเริ่มผลักดันโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่ง AI อย่างจริงจัง
ไม่เว้นแม้แต่องค์กรราชการที่เริ่มรับลูกและปรับตัวเข้าหาเทคโนโลยีแล้วเช่นกัน
Elsa เครื่องมือ AI ที่ช่วยระยะเวลาอนุมัติยาเหลือเพียง 6 นาที
ผลงานนี้เป็นของ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ FDA สหรัฐฯ กับการเปิดตัว Elsa เครื่องมือ AI ที่ได้รับการออกแบบมาให้สนับสนุนงานด้านสาธารณสุข ที่จะช่วยลดระยะเวลาและความยุ่งยากในการทำงานซ้ำซากตามขั้นตอนของระบบ จนย่นการทำงานหลายวันให้เสร็จสิ้นได้ในเวลาเพียง 6 นาที
Elsa ถูกพัฒนาและประมวลผลไว้ภายในเซิร์ฟเวอร์แยกต่างหากเป็นการเฉพาะในชื่อ GovCloud ศูนย์เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่เป็นฐานข้อมูลของภาครัฐและองค์กรที่มีกฎระเบียบเข้มงวด ตัว AI ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการทำงาน ทั้งในด้านตรวจสอบ สรุป เปรียบเทียบ และค้นหาข้อบังคับสำหรับงานราชการโดยเฉพาะ
ในขั้นตอนการใช้งาน Elsa จะถูกนำมาตรวจสอบข้อมูลในหน้าเอกสาร ทั้งข้อจำกัด ความอันตราย ข้อมูลเชิงสถิติ การเปรียบเทียบฉลาก ตาราง ไปจนสร้างฐานข้อมูลสำหรับใช้ในการประเมินข้อมูลและประสิทธิภาพยากับอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่และนักวิทยาศาสตร์ในกระทรวงทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ด้วยการเข้ามาสนับสนุนของ Elsa จะช่วยย่นระยะเวลาการตรวจสอบข้อมูลและการทำงานเอกสาร เร่งการตรวจสอบกระบวนการทางคลินิก ลดระยะเวลาในการประเมินทางวิทยาศาสตร์ ส่งผลให้การอนุมัติยาและผลิตภัณฑ์แต่ละตัวลดลง โดยกรรมาธิการ FDA สหรัฐฯให้ข้อมูลว่า ช่วยลดเวลาตรวจสอบข้อมูลจาก 2 – 3 วัน ให้เหลือเพียง 6 นาที
นับเป็นความก้าวหน้าที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ FDA อย่างก้าวกระโดด
ความก้าวหน้าและข้อกังวลจากเทคโนโลยี
ถึงตรงนี้หลายท่านอาจตั้งคำถามว่า โดยพื้นฐานการอ่าน สรุป และเปรียบเทียบเอกสารนั้น โมเดล AI ตามท้องตลาดก็สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนอาจก่อให้เกิดคำถามว่า ทำไมจึงต้องพัฒนา Elsa ขึ้นมาโดยเฉพาะ แทนที่จะนำโมเดลเหล่านั้นไปใช้งานโดยตรง
สาเหตุของเรื่องนี้มาจากความปลอดภัยและโปร่งใสของข้อมูล การฝึก AI มาใช้ในงานราชการจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลภาครัฐจำนวนมหาศาล บางส่วนยังเป็นข้อมูลละเอียดอ่อน ตัวยาหรือแนวทางรักษาก็ล้วนเป็นสิทธิบัตรที่เป็นความลับของทางบริษัทล้วนเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถปล่อยให้รั่วไหล จึงต้องสร้างเซิร์ฟเวอร์แยกและพัฒนา AI สำหรับดูแลข้อมูลส่วนนี้โดยเฉพาะ
ด้วยการเข้ามาช่วยสรุปเนื้อหารายละเอียดระเบียบการทางเอกสารที่ต้องใช้ระยะเวลาตรวจสอบยาวนาน การนำ Elsa เข้ามาปรับใช้ในหน่วยงานจะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายขององค์กรลงมาก จากเดิมที่กระบวนการยื่นขออนุมัติต้องอาศัยเวลานาน 6 – 10 เดือนให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
สิ่งนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งโดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีกำลังรวดเร็วเป็นทวีคูณ AI ช่วยให้การคิดค้นหรือพัฒนาเทคโนโลยีเป็นไปอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้ปริมาณงานและเอกสารที่ทาง FDA ต้องจัดการอาจเพิ่มมากขึ้น จนการอนุมัติสิทธิบัตรยาหรือแนวทางรักษาล่าช้าตามไปด้วย
ด้วยแนวทางนี้จะช่วยย่นระยะเวลาและทำให้เจ้าหน้าที่สามารถหยุดพักไปทำหน้าที่ที่มีความสำคัญมากยิ่งขั้น เร่งอนุมัติยาและแนวทางรักษาที่มีความจำเป็นและสำคัญต่อผู้ป่วยได้รวดเร็ว ลดขั้นตอนที่มีความยุ่งยากซับซ้อน ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการดูแลรักษาและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยต่อไป
Elsa จึงอาจเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญของสาธารณสุขสหรัฐฯนับจากนี้
แม้ Elsa จะเปิดตัวยิ่งใหญ่แต่ใช่ว่าจะเข้ามาแทนที่คนทำงาน เนื่องจาก AI ยังมีโอกาสหลอนที่อาจนำไปสู่ข้อมูลผิดพลาดจึงจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบย้อนหลัง ส่วนนี้เจ้าหน้าที่ที่เคยรับหน้าที่ตรวจสอบเอกสารจะเข้ามากำกับดูแลอีกชั้นก่อนอนุมัติจริง เช่นเดียวกับการตรวจสอบรายละเอียดเชิงวิชาการที่ยังเป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญตามเดิม
ที่มา


