วิจัยเผย AI ช่วยวินิจฉัยโรค กลับทำ "หมอฝีมือตก" ไม่รู้ตัว
ผลวิจัยล่าสุดเผย เทคโนโลยี AI ที่ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ กลับส่งผลให้ทักษะและความชำนาญของแพทย์ลดลงอย่างน่าใจหายเมื่อต้องกลับมาวินิจฉัยโรคด้วยตัวเอง
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ซึ่งได้รับการยกย่องถึงศักยภาพมหาศาลในการปฏิวัติวงการแพทย์
กลับส่งผลให้แพทย์บางส่วนสูญเสียทักษะความชำนาญลงอย่างน่าตกใจในเวลาเพียงไม่กี่เดือน จากผลการศึกษาชิ้นใหม่ที่เพิ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ชั้นนำ The Lancet Gastroenterology and Hepatology
แม้ AI จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้หมอส่องกล้องเจอติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ได้แม่นยำขึ้น แต่ผลวิจัยล่าสุดเผยว่า เมื่อให้หมอกลับมาตรวจด้วยตัวเองโดยไม่มี AI ช่วย ปรากฏว่าความสามารถในการตรวจหาลดลงจากเดิมถึง 20%
สถานการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสที่ระบบสาธารณสุขทั่วโลกต่างเปิดรับเทคโนโลยี AI โดยมุ่งหวังที่จะเพิ่มผลลัพธ์การรักษาและประสิทธิภาพการทำงาน ตัวอย่างเช่น
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ประกาศมอบเงินทุน 11 ล้านปอนด์สำหรับโครงการทดลองใหม่เพื่อทดสอบว่า AI จะช่วยตรวจหามะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นได้ดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน
ทีมนักวิทยาศาสตร์ระบุในรายงานวิจัยว่า AI อาจเป็นดาบสองคมสำหรับวงการแพทย์ เพราะทำให้แพทย์เคยชินกับการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป
จนเมื่อถึงเวลาที่ต้องวินิจฉัยโรคด้วยตัวเอง อาจขาดทั้งแรงจูงใจ สมาธิ และความรับผิดชอบในการตัดสินใจอย่างที่เคยเป็น
การศึกษานี้ได้ทำการสำรวจศูนย์ส่องกล้อง 4 แห่งในประเทศโปแลนด์ โดยเปรียบเทียบอัตราความสำเร็จในการตรวจหาโรค 3 เดือนก่อนและ 3 เดือนหลังการนำ AI มาใช้ ซึ่งมีการสุ่มให้แพทย์ทำการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ทั้งแบบที่มีและไม่มี AI ช่วย
นายยูอิจิ โมริ หนึ่งในทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยออสโล เตือนว่า "ยิ่ง AI เก่งกาจและแม่นยำมากขึ้นเท่าไหร่ ผลกระทบจากการลดทอนทักษะ (de-skilling) ของมนุษย์ก็น่าจะรุนแรงขึ้นเป็นเงาตามตัว"
ยิ่งไปกว่านั้น แพทย์ 19 คนในการศึกษานี้ล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์สูง โดยแต่ละคนเคยทำการส่องกล้องมาแล้วกว่า 2,000 ครั้ง
ขณะที่นายแพทย์โอเมอร์ อาหมัด ที่ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารจาก University College Hospital London มองว่า "หากแพทย์มากประสบการณ์ยังได้รับผลกระทบขนาดนี้ ลองจินตนาการถึงผลที่จะเกิดกับแพทย์จบใหม่หรือแพทย์ฝึกหัดดูสิ มันอาจรุนแรงกว่านี้มาก"
"ถึง AI จะเก่งและช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่เราก็ต้องไม่ลืมที่จะรักษาทักษะพื้นฐานของการส่องกล้องให้ดีอยู่เสมอ เพราะทักษะเหล่านี้ยังคงเป็นหัวใจสำคัญ" นายแพทย์อาหมัดกล่าวเสริม
ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในวงการแพทย์เท่านั้น เพราะสอดคล้องกับงานวิจัยจากสถาบัน MIT ก็เคยพบผลลัพธ์ในทิศทางเดียวกันว่า
นักศึกษาที่ใช้ ChatGPT ช่วยเขียนบทความ มีกิจกรรมการทำงานของสมองในส่วนการคิดวิเคราะห์ลดน้อยลงเช่นกัน


