เดิมพัน AI ถูกทาง! Meta ผลประกอบการโตเกินคาด สยบทุกข้อกังขา
Meta รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดโตเกินคาด สยบความกังวลของนักลงทุน พร้อมตอกย้ำว่า AI ไม่ใช่แค่กระแส แต่เป็นขุมทรัพย์ใหม่ที่สร้างรายได้อย่างเป็นรูปธรรม
Meta ประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งเกินความคาดหมายของตลาด ตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนว่าการทุ่มงบประมาณมหาศาล
ไปกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เริ่มส่งผลตอบแทนอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว และกำลังจะกลายเป็นเครื่องจักรสร้างรายได้สำคัญให้กับบริษัทในอนาคต ตามการรายงานจากสำนักข่าว CNN
บริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน) โดยมีรายได้รวม 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีกำไรต่อหุ้น (EPS) สูงถึง 7.14 ดอลลาร์
ซึ่งเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 38% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ใน Wall Street คาดการณ์ไว้ที่ 5.88 ดอลลาร์
ความสำเร็จดังกล่าวไม่ได้จำกัดอยู่เพียงไตรมาสเดียว โดย Meta ยังคาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสปัจจุบันจะยังคงเติบโตต่อเนื่องในกรอบ 4.75 - 5.05 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดอีกครั้ง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลบวกต่อตลาดในทันที โดยราคาหุ้นของ Meta ทะยานขึ้นกว่า 9% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ (After-hours trading) และส่งผลให้มูลค่าหุ้นนับตั้งแต่ต้นปีปรับตัวสูงขึ้นแล้วถึง 16%
เจสซี โคเฮน นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Investing.com ให้ความเห็นว่า
"นี่คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า AI กำลังสร้างรายได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่การโฆษณา การที่ Meta ยังคงเดินหน้าลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐาน AI แสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังวางหมากสำหรับเกมระยะยาว"
ผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมนี้สอดรับกับวิสัยทัศน์ระยะยาวที่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ตอกย้ำเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาถึงเป้าหมายในการสร้าง Superintelligence ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
ซึ่งผลกำไรที่แข็งแกร่งจากธุรกิจหลักเปรียบเสมือนการเติมเสบียงให้ Meta สามารถทุ่มเทให้กับภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างเต็มที่
ความมุ่งมั่นของ Meta สะท้อนผ่านการเดินหน้าดึงตัวบุคลากรระดับหัวกะทิจากบริษัทคู่แข่ง ทั้ง OpenAI, Google และ Apple เพื่อเสริมทัพให้กับทีมใหม่ล่าสุดอย่าง ‘Meta Superintelligence Labs’
โดยล่าสุดได้แต่งตั้ง เฉิงเจีย จ้าว (Shengjia Zhao) หนึ่งในผู้ร่วมให้กำเนิด ChatGPT ขึ้นเป็นหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของทีม
อย่างไรก็ดี การลงทุนดังกล่าวต้องแลกมากับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยซูซาน ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน (CFO) ยอมรับว่า
ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร AI ซึ่งมีอัตราค่าตอบแทนที่พุ่งสูง จะกลายเป็นปัจจัยหลักอันดับสองที่ผลักดันให้รายจ่ายของบริษัททะยานขึ้นอย่างมหาศาลในปีหน้า
Meta ไม่ได้ลงแข่งในสมรภูมินี้เพียงลำพัง แต่กำลังเผชิญการแข่งขันอันหนักหน่วงกับยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีรายอื่น เดิมพันครั้งนี้จึงสำคัญอย่างยิ่งสำหรับซัคเคอร์เบิร์ก หลังบทเรียนราคาแพงจากการทุ่มเทให้กับเมตาเวิร์ส (Metaverse)
ความสำเร็จด้าน AI จึงไม่ใช่แค่เรื่องของอนาคต แต่ยังเป็นเครื่องพิสูจน์การลงทุนและเป็นหัวใจสำคัญของผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างแว่นตาอัจฉริยะ ที่ซัคเคอร์เบิร์กเชื่อว่าจะเป็น "คอมพิวเตอร์แห่งยุค AI" ต่อไป
ทั้งนี้ แม้จะมีการลงทุนอย่างหนัก แต่ Meta ยังคงรักษาวินัยทางการเงินได้อย่างน่าประทับใจ โดยบริษัทได้ปรับกรอบคาดการณ์งบลงทุนทั้งปีให้แคบลง
แต่ไม่มีการเพิ่มเพดาน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมองเห็นภาพแผนการใช้จ่ายของบริษัทได้ชัดเจนและสร้างความเชื่อมั่นได้มากยิ่งขึ้น


