หักล้างทุกความเชื่อ! เปิดหมดเปลือกเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับ AI
เคยกลัวว่า AI จะมาแย่งงานใช่ไหม? วิจัยล่าสุดจาก PwC เผยข้อมูลหักล้างความเชื่อผิดๆ ว่า AI จะทำให้คนตกงาน เพราะแท้จริงแล้ว AI กำลังสร้างโอกาสใหม่ ทำให้งานจึ้งกว่าเดิม!
"ทุกครั้งที่เรามีการปฏิวัติอุตสาหกรรม จะมีงานใหม่เกิดขึ้นมากกว่างานที่หายไปเสมอ ความท้าทายคือทักษะที่คนทำงานต้องการสำหรับงานใหม่เหล่านี้จะต่างไปจากเดิมมาก" - แคโรล สตับบิงส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ระดับโลกของ PwC สหราชอาณาจักร
ใครที่กังวลว่า AI จะมาแย่งงานหรือทำให้ค่าแรงลดลง คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่
เพราะงานวิจัยล่าสุดจาก PwC บริษัทที่ปรึกษาระดับโลก เผยผลลัพธ์ที่น่าสนใจว่า AI ไม่ได้ทำให้คนตกงาน แต่กลับทำให้ "มีคุณค่ามากขึ้น ไม่ใช่ลดลง" เสียด้วยซ้ำ
คุณโจ แอตกินสัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่าย AI ระดับโลกของ PwC ให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่าง CNBC ว่า
"สิ่งที่ทำให้คนตื่นตัวกับเรื่องนี้คือความเร็วของนวัตกรรมเทคโนโลยี ความเป็นจริงคือ เทคโนโลยีพัฒนาไปเร็วมาก เร็วแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน"
และที่สำคัญคือ รายงานฉบับนี้บอกชัดเจนว่า AI กำลังสร้างงานต่างหาก
จากรายงาน 2025 AI Jobs Barometer พบว่า ทั้งจำนวนงานและค่าแรงกำลังไต่ระดับขึ้นใน "แทบทุก" อาชีพที่เกี่ยวข้องกับ AI หรือตำแหน่งงานที่มีส่วนที่เทคโนโลยีสามารถนำไปใช้ได้
ไม่เว้นแม้แต่งานที่ดูเหมือนจะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติได้ง่ายที่สุด เช่น พนักงานบริการลูกค้า หรือโปรแกรมเมอร์
แคโรล สตับบิงส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ระดับโลกของ PwC สหราชอาณาจักร อธิบายในรายงานว่า
"ปัญหาไม่ใช่ว่าจะไม่มีงาน แต่คือการที่คนทำงานต้องเตรียมพร้อมเพื่อคว้าโอกาสเหล่านั้นให้ได้"
รายงานฉบับนี้ได้วิเคราะห์ประกาศรับสมัครงานกว่า 800 ล้านตำแหน่ง และรายงานทางการเงินของบริษัทหลายพันแห่งใน 6 ทวีปทั่วโลก
เพื่อท้าทายความเชื่อผิดๆ 6 ประการที่ผู้คนมักเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ดังนี้:
1. ประสิทธิภาพการผลิต
ความเชื่อเดิม: AI ยังไม่มีผลต่อประสิทธิภาพการผลิตมากนัก
ความเป็นจริง: รายงานจาก PwC ชี้ว่า ตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา อุตสาหกรรมที่ "เปิดรับ AI มากที่สุด" มีอัตราการเติบโตของประสิทธิภาพการผลิตพุ่งสูงขึ้นเกือบ 4 เท่า
ในทางกลับกัน อุตสาหกรรมที่ "ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด" เช่น กายภาพบำบัด กลับเติบโตลดลงเล็กน้อย
และที่น่าสนใจสุด ๆ คือ ในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ที่ใช้ AI กันเยอะที่สุด รายได้ต่อพนักงานกลับสูงขึ้นถึง 3 เท่า แสดงให้เห็นว่า AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือลดต้นทุน แต่เป็นตัวเร่งการเติบโตของธุรกิจอย่างแท้จริง
2. ค่าแรง
ความเชื่อเดิม: AI จะทำให้ค่าแรงลดลง และพนักงานมีอำนาจการต่อรองน้อยลง
ความเป็นจริง: ข้อมูลจาก PwC เผยว่า พนักงานที่มีทักษะ AI มีค่าแรงสูงกว่าพนักงานที่ไม่มีทักษะเหล่านี้ในอาชีพเดียวกันถึง 56% โดยเฉลี่ย ซึ่งตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจาก 25% เมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ AI มากที่สุด ค่าแรงยังเพิ่มขึ้นเร็วกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
3. ตำแหน่งงาน
ความเชื่อเดิม: AI จะทำให้คนตกงานเยอะขึ้น
ความเป็นจริง: แม้อาชีพที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ AI มากนักจะยังมีการเติบโตของงานที่ดีถึง 65% ระหว่างปี 2019 ถึง 2024 แต่อาชีพที่เน้นเทคโนโลยีก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เพียงแต่ช้ากว่าเล็กน้อย (38%)
4. ความเหลื่อมล้ำ
ความเชื่อเดิม: AI จะทำให้ความเหลื่อมล้ำทางโอกาสและค่าแรงของพนักงานรุนแรงขึ้น
ความเป็นจริง: ผลการวิจัยกลับแสดงให้เห็นว่า ค่าแรงและการจ้างงานเพิ่มขึ้นในงานที่ AI สามารถช่วยเสริมหรือทำให้เป็นอัตโนมัติได้
นอกจากนี้ รายงานยังชี้ว่า นายจ้างกำลังลดความสำคัญขอวุฒิการศึกษาในงานที่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ "คนอีกนับล้าน" ได้เข้าถึงงานได้กว้างขึ้น
5. ทักษะ
ความเชื่อเดิม: AI จะ "ลดทักษะ" ของงานที่ถูกทำให้เป็นอัตโนมัติ
ความเป็นจริง: รายงานพบว่า AI ไม่ได้ทำให้ทักษะของงานลดลงเลย แต่กลับช่วย "ยกระดับ" งานที่สามารถทำเป็นอัตโนมัติได้
ปลดแอกพนักงานจากงานที่จำเจ เพื่อให้พวกเขามีเวลาฝึกทักษะอื่นๆ เช่น พนักงานป้อนข้อมูลก็สามารถพัฒนาทักษะจนสามารถเป็นนักวิเคราะห์ข้อมูลได้
6. ระบบอัตโนมัติ
ความเชื่อเดิม: AI จะทำให้งานที่ถูกระบบอัตโนมัติเข้ามาแทนที่นั้น "ด้อยค่า" ลงไปมาก
ความเป็นจริง: นอกจากค่าแรงของงานที่ AI เข้ามาช่วยจะสูงขึ้นแล้ว เทคโนโลยีนี้ยังช่วย "ยกระดับ" ให้งานเหล่านั้นมีความซับซ้อนและต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นด้วยซ้ำ
สุดท้ายแล้ว สิ่งนี้กลับทำให้คนทำงานมีคุณค่าและบทบาทสำคัญกว่าเดิม
แอตกินสันได้อธิบายว่า การที่ AI เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ถือเป็นการสร้าง พลังทวีคูณ ให้กับจำนวนแรงงานที่มีอยู่
ช่วยเติมเต็มช่องว่างที่องค์กรอาจไม่สามารถหาคนมาทำงานได้ และยังช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจเติบโตไปข้างหน้า
AI คือกลยุทธ์การเติบโต ไม่ใช่แค่การลดต้นทุน
ท้ายที่สุดแล้ว งานวิจัยนี้ย้ำชัดว่า เราควรมอง AI ในฐานะ กลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโต ของธุรกิจ ไม่ใช่แค่เครื่องมือสำหรับเพิ่มประสิทธิภาพหรือลดต้นทุนบุคลากรเพียงอย่างเดียว
แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่การใช้ AI เพื่อลดจำนวนพนักงาน บริษัทควรลงทุนในการช่วยให้พนักงานสามารถปรับตัว ทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ เข้าถึงตลาดใหม่ๆ และสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น
"แทนที่จะจมปลักอยู่กับการทำให้สิ่งเดิมๆ เป็นระบบอัตโนมัติ เราควรหันมาสร้างงานและอุตสาหกรรมใหม่ๆ สำหรับอนาคตกันดีกว่า"
รายงานยังชี้ให้เห็นว่า "ถ้าเราใช้ AI ด้วยจินตนาการ มันจะสามารถจุดประกายให้เกิดงานใหม่ๆ และรูปแบบธุรกิจที่ไม่เคยมีมาก่อนได้"
ยกตัวอย่างเช่น 2 ใน 3 ของงานทั้งหมดในอเมริกาที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ จริงๆ แล้วยังไม่เคยมีมาก่อนในปี 1940
ตำแหน่งงานใหม่ๆ เหล่านี้ส่วนใหญ่ก็เกิดขึ้นได้เพราะ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ทำให้โลกการทำงานของเราเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและมีอาชีพใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน


