GPT 4.5 โมเดล AI ล่าสุดจาก OpenAI ที่ไม่มุ่งล้ำหน้าแต่เน้นเสถียร
OpenAI เปิดตัวโมเดลใหม่อย่าง GPT-4.5 ชูจุดเด่นในด้านการตอบคำถามและลดอาการหลอน แต่หลายคนกลับมองว่า GPT-4.5 อาจไม่สะเทือนวงการอย่างเคย
ท่ามกลางการเปิดตัวโมเดล AI ตัวใหม่ของบริษัทน้อยใหญ่ OpenAI ก็ได้เปิดตัว GPT-4.5 โมเดล AI ตัวใหม่ที่ได้รับการขนานนามว่ามีขนาดใหญ่และทรงพลังที่สุด โดดเด่นในด้านการตอบคำถามพูดคุยและการใช้งานเชิงสร้างสรรค์หลายรูปแบบ โดยเฉพาะการสร้างบทสนทนาไหลลื่นเป็นธรรมชาติใกล้เคียงคนจริงมากขึ้น
GPT-4.5 ได้รับการเทรนผ่านชุดข้อมูลปริมาณมหาศาลพร้อมระบบประมวลผลขนาดใหญ่ ผลลัพธ์ที่ได้คือขีดความสามารถที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งในด้านคณิตศาสตร์ การเขียนโค้ด ตอบคำถามอย่างมีเหตุผล อีกทั้งลดอาการหลอนใน AI จากที่เคยเกิดขึ้นใน GPT-4o อยู่ที่ 61.8% ให้เหลือเพียง 37.1%
อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของโมเดลนี้คือ ความฉลาดทางอารมณ์ AI สามารถพูดคุย เรียนรู้ ทำความเข้าใจอารมณ์และคำพูดของคนเราได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้การพูดคุยกับ AI มีความละเอียดอ่อนพร้อมให้คำแนะนำที่มีประโยชน์แก่ผู้ใช้งานในหลายด้าน นอกจากนี้ยังมีขีดความสามารถในเชิงสุนทรียศาสตร์ การออกแบบ และการสร้างสรรค์ที่ดีขึ้นมาก
GPT-4.5 จึงเป็นโมเดล AI ตัวใหม่ที่ได้รับการพัฒนาขีดความสามารถดั้งเดิมอย่างรอบด้าน
ข้อจำกัดของ GPT-4.5 กับโลกที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามข้อมูลจากหลายภาคส่วนลงความเห็นว่า GPT4.5 ยังไม่ใช่โมเดล AI ที่มีความล้ำหน้าที่สุด สังเกตได้จากการที่ฟังก์ชันการใช้งานส่วนใหญ่ไม่แตกต่างจากเดิมนัก อีกทั้งยังไม่มีระบบ การคิดแบบใช้เหตุผล ซึ่งเริ่มปรากฏให้เห็นในโมเดลรุ่นใหม่ GPT-4.5 จึงมีความใกล้เคียงโมเดล AI แบบดั้งเดิมมากกว่า
สาเหตุที่เป็นแบบนั้นมาจาก พื้นฐานการเทรนโมเดล GPT4.5 อาศัยแนวทางการพัฒนาโดยการขยายขนาดคลังข้อมูลที่ใช้ในการเทรน และเพิ่มขีดความสามารถการประมวลผลผ่านอุปกรณ์เพื่อยกระดับความสามารถโดยตรง ไม่ได้อาศัยการประมวลผลเชิงลึกและคิดแบบใช้เหตุผล จึงไม่สามารถอธิบายสิ่งที่คิดได้แบบโมเดล o1 หรือ o3-mini
จริงอยู่ GPT-4.5 ให้ผลลัพธ์ที่ดี มีประสิทธิภาพสูงขึ้น อาการหลอนลดลงตามเป้าหมาย แต่ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เริ่มมองเห็นข้อจำกัดจากแนวทางการเทรน AI แบบเก่า ทั้งจากข้อมูลที่นำมาใช้งานที่หมดโลก รวมถึงขีดจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ที่ยากต่อการเพิ่มปริมาณอย่างต่อเนื่อง
อีกหนึ่งปัญหาสำคัญคือแม้ GPT-4.5 จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า มีความเสถียรในการใช้งาน และตอบคำถามได้ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น แต่ก็มีค่าใช้จ่ายในการใช้งานสูงมาก ทาง OpenAI จึงมองว่าโมเดลนี้อยู่ในสถานะงานวิจัยเป็นหลัก และจะเปิดให้ใช้บริการเฉพาะลูกค้ากลุ่ม Pro ก่อน ส่วนลูกค้ากลุ่มอื่นจะสามารถเข้าถึงและใช้งานได้ในลำดับต่อไป
Deepseek เตรียมเร่งเปิดตัวโมเดล R2 ในเดือนพฤษภา
ทางฝั่ง Deepseek ก็ไม่น้อยหน้า ข้อมูลจาก Reuters เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเร่งพัฒนาโมเดลรุ่นใหม่ในชื่อ Deepseek R2 โดยมุ่งเน้นไปในด้านการเขียนโค้ด พร้อมระบบการคิดและให้เหตุผลเป็นภาษาอังกฤษได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น พร้อมยกศักยภาพโมเดล R1 ให้มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นไปพร้อมกัน


