posttoday

ทีมไทยแลนด์

21 พฤษภาคม 2565

คอลัมน์ เปิดประตูค้าชายแดน

ช่วงนี้กีฬาซีเกมส์ก็เข้าสู่ครึ่งทางแล้ว ทีมชาติไทยได้เริ่มฉายแสงในการเข้าวินเป็นทีมอันดับสองอย่างชัดเจนมากขึ้น แต่ต้องไม่แผ่วปลาย หรืออย่าให้อินโดนีเชียแซงกลับในช่วงปลายเสียละครับ

เพราะทีมของอินโดนีเชียเข้ามีนักกีฬาที่เก่งๆอีกมากมาย เพราะว่าประเทศเขามีประชากรมากกว่าเราเยอะมาก ดังนั้นการคัดเลือกยอดฝีมือ จึงมีแหล่งที่มามากมายกว่าเราเยอะ

ทีมไทยแลนด์สู้ๆๆครับ ผมจะคอยเต้นเชียร์อยู่ขอบสนามแทนเดินทางไปเชียร์นะครับ

พูดถึงกีฬานอกจากที่มีทีมชาติไทยแล้ว เรายังมีทีมนักสู้ทางธุรกิจ ที่อยู่ตามท้องตลาดเอง ก็มีทีมไทยแลนด์เหมือนกัน ซึ่งผมชอบชื่อนี้มาก ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ตั้งชื่อทีมนี้

ผมจำได้ว่าในยุคที่ท่านรองนายกปองพล อดิเรกสาร เป็นรองนายกคุมทีมเศรษฐกิจอยู่ ท่านได้ก่อตั้งทีมไทยแลนด์ทางเศรษฐกิจขึ้นมา แล้วเชิญนักวิชาการและกลุ่มนักธุรกิจ ประมาณร้อยกว่าคน เข้าไปร่วมในทีมไทยแลนด์ แล้วแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี เพื่อระดมสมองเข้ามาช่วยชาติ เพื่อหาช่องทางในการทำการค้า-การลงทุนระหว่างประเทศ

ผมเองก็เป็นหนึ่งในทีมไทยแลนด์ที่ท่านได้กรุณาแต่งตั้งให้เข้าร่วมงานครับ แต่ทำงานกันได้ไม่นาน ท่านก็ต้องลงจากตำแหน่ง เลยทำให้ทีมงานทำงานกันได้ไม่ถึงไหน? ก็เป็นที่น่าเสียดายครับ

ต่อมาเมื่อก่อนสถานการณ์โควิดจะเกิดขึ้น ชื่อของทีมไทยแลนด์ก็เกิดขึ้นมาอีก โดยกระทรวงพาณิชย์ไทยในยุคท่านรองนายกจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์นี่แหละครับ โดยทางท่านฑูตพาณิชย์ไทยประจำกรุงย่างกุ้ง ได้มีหนังสือแจ้งมาว่า ทางกระทรวงพาณิชย์ได้แต่งตั้งให้ผมได้เป็นหนึ่งในทีมไทยแลนด์ ในการช่วยกันผลักดันให้การค้า-การลงทุนในประเทศเมียนมา เพื่อให้เกิดประสิทธิ์ภาพมากขึ้น

ผมก็มีความยินดีที่ได้ทำงานรับใช้ประเทศชาติอีกครั้ง แต่ก็เป็นที่น่าเสียดาย ที่ประเทศเมียนมาได้เกิดปัญหาโรคร้ายรุกรานเข้าสู่ประเทศ อีกทั้งเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากการนำของท่านพลเอกอาวุโส เมียน อ่อง หล่ายขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 จนทำให้การค้า-การลงทุนหยุดชะงักไปหมด ดูท่าน่าจะไปได้ไม่ถึงไหนอีกเสียแล้วครับ

อย่างไรก็ตามก็มีน้องๆที่ยังหลงเหลืออยู่ในประเทศเมียนมาบางท่าน ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาดำเนินธุรกิจอยู่อย่างต่อเนื่อง บางท่านก็ดำเนินธุรกิจด้านการ์เม้นท์ ตัดเย็บเสื้อผ้านักกีฬาทีมดังๆหลายทีมในแถบยุโรป ซึ่งก็ทำเงินเข้าประเทศปีๆหนึ่งไม่น้อยเลยทีเดียว หรือน้องรักผมรายหนึ่งที่ทำธุรกิจการ์เม้นท์เหมือนกัน แต่ตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป ที่ถ้าบอกชื่อบริษัทออกไป คนในวงการต้องร้องอ้อ....กันเลยทีเดียว

เพราะทำธุรกิจนี้มานานมาก อีกทั้งปัจจุบันนี้ เมื่อเข้าไปเปิดโรงงานที่เมียนมา ก็มีการจ้างแรงงานมากถึงเกือบสามพันคนเลยทีเดียว รายนี้ก็นำเงินเข้าประเทศไม่น้อยเช่นกันครับ หรือมีอีกรายหนึ่งได้ไปทำธุรกิจค้าปลีก ถึงกับลงทุนไปเปิดเป็นซุปเปอร์มาเก็ตขายสินค้าไทยเราที่เมืองย่างกุ้งเลยทีเดียว นับว่าน่าชมเชยในความวิริยะอุตสาห์มาก

แต่ช่วงหลังๆมานี้ ผมก็ไม่ค่อยได้ทราบข่าวสารว่า ทุกท่านเป็นอย่างไรกันบ้างแล้ว ถ้าน้องๆทุกท่านได้อ่านบทความนี้ ก็อยากให้ช่วยส่งข่าวมาเล่าให้ฟังด้วยก็จะดีนะครับ 

ทุกท่านที่ไปทำมาหากินกันที่นั่น แน่นอนว่าช่วงที่ผ่านมานี้ ต่างได้ประสบปัญหากันอย่างมากมาย ยอดขายที่ตกลงไปอย่างมาก อีกทั้งกระแสเงินสดที่ขาดหายไปในท้องตลาด ย่อมสร้างความเสียหายไปกันคนละมิใช่น้อย แต่ทุกคนก็ยังคงปักหลักมุ่งมั่นกันอยู่ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆกันเกือบจะทุกคน เป็นที่น่าเหลื่อมใสมาก

แต่บางคนที่ได้เดินทางกลับมาประเทศก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ผมเชื่อว่าทุกคนล้วนอยากจะรีบกลับไปดูแลธุรกิจของตนเองด้วยกันทั้งนั้น แต่ว่าทางการประเทศเมียนมาเอง

แม้จะมีการประกาศให้เปิดประเทศแล้ว และยังได้มีการผ่อนปรนวิธีการเดินทางเข้าประเทศไปบ้างแล้ว แต่การขอวีซ่าเข้าประเทศ ก็ยังมีปัญหาอยู่ ต้องมีขั้นตอนต่างๆอีกมากมาย

ผมคิดว่าบุคคลกลุ่มนี้ น่าจะเป็น “ทีมไทยแลนด์”ตัวจริงเสียงจริง มากกว่าทีมอื่นๆที่ได้รับการแต่งตั้งมาจากรัฐบาลที่ผ่านๆมาเสียอีกนะครับ ถ้าผมเป็นผู้มีอำนาจที่สามารถให้รางวัลแก่นักสู้ทางธุรกิจได้

ผมคงต้องหาใบประกาศเกียรติคุณหรือถ้วยรางวัลสวยๆให้แก่ทุกๆท่านแล้วละครับ