posttoday

เอ็ม.เอส.กรุ๊ป เสิร์ฟความสวยสู่ตลาดโลก

05 กันยายน 2560

คำว่า “ผู้หญิงอย่าหยุดสวย” ใช้ได้กับทุกประเทศจริงๆ ดูได้จากมูลค่าตลาดเครื่องสำอางทั่วโลกที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง

โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล

คำว่า “ผู้หญิงอย่าหยุดสวย” ใช้ได้กับทุกประเทศจริงๆ ดูได้จากมูลค่าตลาดเครื่องสำอางทั่วโลกที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจบางช่วงจะซบเซาไป แต่อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามก็ยังเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบน้อย เหตุนี้จึงเห็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมักเข้ามาจับตลาดกลุ่มนี้

เช่นเดียวกับ ดวงฤทัย โชติบูรณ์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็ม.เอส.บิวตี้ไลน์ เจ้าของแบรนด์ YC ที่เดิมทีเป็นพนักงานในบริษัทเครื่องสำอางที่เล็งเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจ และกำลังมองหาธุรกิจของตัวเองอยู่ จึงได้ตัดสินใจลาออกจากงานและเริ่มจากธุรกิจแบบซื้อมาขายไปก่อน ด้วยความที่เคยทำงานอยู่ในวงการเครื่องสำอาง จึงทำให้รู้จักเพื่อนๆ ที่อยู่ในวงการโรงงานผลิตเครื่องสำอางในการช่วยผลิตสินค้าตามออร์เดอร์ให้

“ด้วยความที่ตอนนั้นเรามีเงินทุนน้อย คิดว่าหากจะทำออกมาขายในประเทศคงสู้ไม่ได้ เพราะสมัยนั้นยังไม่มีตลาดออนไลน์ จึงตัดสินใจไปเริ่มเปิดตลาดที่ตะวันออกกลาง โดยการไปออกงานแสดงสินค้าที่ดูไบ ตอนนั้นทำสินค้าตัวอย่างไปทดสอบตลาดก่อน 5 ตัว และได้ลูกค้าจาก 4 ประเทศใหญ่ในตะวันออกกลาง ทั้งดูไบ โอมาน บาห์เรน และซาอุดิอาระเบียกลับมาด้วย โดยได้ออร์เดอร์ปิดยอดขายปีแรก 4 ล้านบาท” ดวงฤทัย เล่าถึงจุดเริ่มต้นความสำเร็จ

ทั้งนี้ ตลาดตะวันออกกลางส่วนใหญ่ 95% บริษัทจะส่งออกสินค้าไปในลักษณะการเป็นโออีเอ็มให้ เนื่องจากตลาดตะวันออกกลางมีศักยภาพในการทำแบรนด์เองมาก ซึ่งหลังจากที่ทำตลาดในตะวันออกกลางจนประสบความสำเร็จแล้ว บริษัทก็ขยายตลาดส่งออกเพิ่มไปยังตลาดแอฟริกาใต้ เอเชียใต้ และอาเซียน รวมแล้วกว่า 45 ประเทศทั่วโลก มีสินค้าในไลน์การผลิตกลุ่มสกินแคร์กว่า 300 ชนิด และมียอดขายรวมปีละ 2,000 ล้านบาท

ดวงฤทัย กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีมานี้ เริ่มมียอดขายในตลาดกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มขึ้น แต่ยอมรับว่ายังไม่มาก โดยมียอดขายรวมประมาณ 200 ล้านบาท/ปี โดยตลาดที่ได้รับการตอบรับดีคือ กัมพูชาและเวียดนาม และมองว่าตอนนี้ตลาดอาเซียนเริ่มมีการเติบโตที่ดีกว่าตลาดตะวันออกกลางด้วยซ้ำ เพราะคนในประเทศเหล่านี้มีอำนาจซื้อมากขึ้น และมีชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น แต่การตัดสินใจซื้อก็ยังเน้นที่ราคาสินค้าต้องไม่สูงเกินไป และสินค้าต้องมีคุณภาพดีเมื่อเทียบกับราคา

สำหรับตลาดอาเซียน บริษัทตั้งเป้าเพิ่มยอดขายในปี 2561 ให้ขึ้นมาอยู่ที่ 300 ล้านบาทให้ได้ และมีเป้าหมายใหญ่คือจะต้องส่งออกสินค้าให้มีวางจำหน่ายกระจายอยู่ในทุกๆ เมืองของแต่ละประเทศในอาเซียนให้ได้ จากปัจจุบันที่ยังอยู่แค่ในตัวเมืองหลวงเท่านั้น ซึ่งถ้าสามารถทำได้ก็จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์อีกมาก โดยจะมีการวางแผนตลาดไปกับคู่ค้า

ดวงฤทัย แนะนำว่า กลยุทธ์ในการขยายตลาดประเทศต่างๆ พื้นฐานง่ายๆ ต้องศึกษาตลาดให้ดีก่อน เริ่มจากไปเดินดูสินค้าตามห้างสรรพสินค้า ร้านค้าในตลาดนั้นก่อนว่าเขาขายอะไร เพราะการที่มีของขายแสดงว่าคนที่นั่นต้องชอบ แล้วกลับมาทำการบ้าน เช่น อินเดียมีสมุนไพรมาก การทำสินค้าสมุนไพรไปขายคงสู้ไม่ได้ แต่ไทยเด่นเรื่องผลไม้เอาไปปรับใช้เป็นจุดเด่นในสินค้าแทน ส่วนตลาดอาเซียนก็จะคล้ายๆ กันคือ ชอบสินค้ากลุ่มเพื่อความขาว กระจ่างใส (ไวเทนนิ่ง) ขณะที่ตะวันออกกลางจะชอบสินค้ากลุ่มเพื่อความขาว อาหารเสริมลดความอ้วน และครีมกระชับสัดส่วน

นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นใช้วิธีการเพิ่มไลน์การผลิตสินค้าใหม่ๆ ออกมาทำตลาดทุกเดือน เพื่อให้เกิดการแอ็กทีฟของสินค้า โดยสินค้าตัวไหนที่หมดอายุในการวางชั้นจำหน่าย (ตกเทรนด์) ก็จะเอามารีโปรดักต์ใหม่ ส่วนตัวเก่าก็จะเอาออกไป แต่ถ้าตัวไหนที่ตลาดยังต้องการอยู่ก็สามารถสั่งตามออร์เดอร์ได้ แต่ต้องยอมรับว่าต้องมีขั้นต่ำเท่าไหร่ พร้อมทั้งทำกิจกรรมการตลาดผ่านสื่อโซเชียลทั้งออฟไลน์และออนไลน์ การทำการตลาดผ่านบล็อกเกอร์ และการจัดโรดโชว์อีเวนต์ตามสถานที่ อาคารสำนักงานต่างๆ เป็นต้น