posttoday

ลิ้นจี่ไทยเจอคู่แข่งเวียดนาม

08 พฤศจิกายน 2561

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ได้รายงานผลการติดตามสถานการณ์การผลิตและการค้าลิ้นจี่ของเวียดนาม

โดย...กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ได้รายงานผลการติดตามสถานการณ์การผลิตและการค้าลิ้นจี่ของเวียดนาม โดยพบว่าในปัจจุบันจังหวัดบั๊กยาง ซึ่งเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเวียดนาม มีการผลิตลิ้นจี่ได้เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าปี 2561 จะผลิตได้สูงถึง 2.07 แสนตัน และมีแผนส่งออกไปขายใน 30 ประเทศกว่า 1,000 ตัน โดยมีตลาดสำคัญ ได้แก่ สหรัฐ สหภาพยุโรป แคนาดา จีน ญี่ปุ่น ไทย และออสเตรเลีย และยังมีแผนขยายตลาดส่งออกไปยังตลาดใหม่ในยุโรปตะวันออกและรัสเซียเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ยังพบว่าจังหวัดบั๊กยางได้มีแผนผลักดันให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกลิ้นจี่เพิ่มขึ้น โดยจะขยายตลาดทั้งในประเทศและส่งออก ซึ่งตลาดในประเทศจะถูกส่งไปขายที่กรุงฮานอย โฮจิมินห์ กว๋างนิญ และดานัง และยังมีการนำเข้าไปจำหน่ายในห้างค้าปลีก เช่น Sai Gon Co.op, Hapro และ Big C เป็นต้น ส่วนตลาดต่างประเทศก็จะผลักดันส่งออกไปยังประเทศใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดได้ส่งออกไปยังมาเลเซียและมีแนวโน้มที่มาเลเซียจะซื้ออย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน สำนักงานการค้าของเวียดนามในมาเลเซียยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในมาเลเซีย เพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมการนำเข้าสินค้าจากเวียดนามไม่เพียงแค่ลิ้นจี่ แต่ยังขยายไปถึงผัก ผลไม้ อาหารทะเล และอาหารสำเร็จรูป และได้เดินหน้าในการพัฒนามาตรฐานสินค้า รูปแบบบรรจุภัณฑ์ และมาตรฐานการขนส่ง เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดมาเลเซีย

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าเวียดนามมีการพัฒนาการเพาะปลูกและการส่งออกลิ้นจี่ไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นคู่แข่งโดยตรงของไทย และยังมีการส่งออกไปจำหน่ายในตลาดเดียวกันกับที่ไทยส่งออก ส่งผลให้มีการแข่งขันกันมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เห็นโอกาสในการขยายช่องทางตลาดแก่สินค้าของไทย จึงขอให้ผู้ส่งออกผลไม้ต้องรักษาคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าเอาไว้ให้ได้ และต้องพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัยและรักษาสินค้าให้สดใหม่เมื่อถึงมือลูกค้า เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดของสินค้าไทยให้ยังคงอยู่ต่อไป

กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายในการส่งเสริมและพัฒนาความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจระหว่างผู้นำระดับสูงของประเทศในกลุ่ม รวมทั้งภาคเอกชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือโทรสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169