posttoday

ดึงโมเดลจีนลดคนจน

09 มกราคม 2561

ไทยเกาะติดแนวทางพัฒนาจีนยุคใหม่ มุ่งลดคนจน เผยพร้อมเชื่อมโยงนโยบายหนุนไทยศูนย์กลางพัฒนาอาเซียน

ไทยเกาะติดแนวทางพัฒนาจีนยุคใหม่ มุ่งลดคนจน เผยพร้อมเชื่อมโยงนโยบายหนุนไทยศูนย์กลางพัฒนาอาเซียน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2561 นายเมิ่งเสียงเฟิง รองเลขาธิการฝ่ายบริหาร พรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้เข้ามาหารือถึงทิศทางนโยบายของจีนต่อภูมิภาคอาเซียน ภายใต้มติสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน โดยจีนสามารถแสดงเอกลักษณ์และแนวทางการพัฒนาจีนยุคใหม่ได้อย่างชัดเจน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศทางด้านเศรษฐกิจและลดจำนวนคนจนได้จำนวนมาก ตามนโยบายของนายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีนที่ประกาศจะทำให้คนจีนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

"ไทยได้ติดตามการประชุมสมัชชาของพรรคคอมมิวนิสต์อย่างต่อเนื่อง และพบว่าแนวทางการพัฒนาหลายอย่างเป็นสิ่งที่ดี และได้นำมาเชื่อมโยงกับนโยบายของไทย และอนาคตอยากให้มีการเชื่อมโยงกันมากขึ้นในด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกิจกรรมภายใต้นโยบายวันเบลต์วันโรด ที่จะมีไทยเป็นศูนย์กลางในการที่จีนเข้ามาร่วมพัฒนาภูมิภาคนี้" นายสมคิด กล่าว

นอกจากนี้ ได้หารือเตรียมการประชุมคณะกรรมการระดับสูงว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน (HLJC) ซึ่งปีนี้ไทยจะเป็นเจ้าภาพ โดยทางการจีนเสนอวันประชุมเป็นวันที่ 29-30 ม.ค.นี้ แต่ก็ยังไม่เป็นที่สรุปเนื่องจากตลอดเดือน ม.ค. โรงแรมในกรุงเทพฯ ถูกจองเต็มหมดแล้ว จึงคาดว่าการประชุมจะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ.

ทั้งนี้ ปัจจุบันจีนเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของประเทศไทย โดยเป็นตลาดส่งออกและตลาดนำเข้าอันดับ 1 ของไทย ขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าที่สำคัญของจีนในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งความร่วมมือของรัฐบาล 2 ประเทศมุ่งให้ความสำคัญในการพัฒนาประเทศ ทั้งภายใต้นโยบาย 1 แถบ 1 เส้นทาง (วันเบลต์วันโรด) และโครงการรถไฟ

นายสมคิด กล่าวว่า ในวันที่ 9 ม.ค.นี้ คลังจะเสนอโครงการสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 2 เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีลักษณะโครงการเน้นการพัฒนาทักษะอาชีพและเป็นโปรแกรมเฉพาะที่สอดคล้องและเหมาะสมกับอาชีพ ที่อยู่อาศัย และช่วงอายุ

อย่างไรก็ดี โครงการได้ดำเนินการร่วมกับหลายหน่วยงาน ซึ่งจะครอบคลุมผู้มีรายได้น้อยที่มีรายได้ไม่เกิน 1 แสนบาท/ปี ที่มีการลงทะเบียนในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวม 11.4 ล้านคน โดยเน้นการยกระดับรายได้ของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่มีรายได้ต่ำกว่าปีละ 3 หมื่นบาท 5.3 ล้านคน