ถอดรหัส Club Med: นิยามใหม่ All-Inclusive ที่เชื่อมโยงความหรูหราและจิตวิญญาณท้องถิ่น

Club Med: นิยามใหม่ของการพักผ่อนแบบ All-Inclusive ที่ไม่ใช่แค่หรูหรา แต่คือการเดินทางที่ยั่งยืนและเข้าถึงจิตวิญญาณท้องถิ่น

ในยุคที่การท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไป นักเดินทางไม่ได้มองหาแค่ความสะดวกสบาย แต่ยังโหยหาประสบการณ์ที่ลึกซึ้ง การได้สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น และความมั่นใจว่าการพักผ่อนของพวกเขาจะไม่สร้างผลกระทบต่อโลกใบนี้ Club Med แบรนด์ผู้บุกเบิกการท่องเที่ยวแบบ "All-Inclusive" หรือ "รวมทุกอย่าง" ได้ตอบโจทย์นี้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการยกระดับแนวคิดดั้งเดิมให้เป็นมากกว่าแค่การจ่ายครั้งเดียวจบ แต่คือการมอบประสบการณ์ที่ครบครัน ผสมผสานความหรูหรา กิจกรรมที่หลากหลาย และการเข้าถึงแก่นแท้ของวัฒนธรรมท้องถิ่นไว้อย่างลงตัว

จากการพูดคุยกับ คุณ Rachel Harding (ราเชล ฮาร์ดิง) CEO ของ Club Med ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก เราได้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่น่าสนใจซึ่งขับเคลื่อนให้ Club Med ยังคงเป็นผู้นำในตลาด และเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักเดินทางทั่วโลก

วิวัฒนาการของ All-Inclusive: จากความสะดวกสบายสู่ประสบการณ์ระดับพรีเมียม

คุณราเชลเล่าว่า Club Med ซึ่งกำลังจะฉลองครบรอบ 75 ปี ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เพื่อยกระดับรีสอร์ททั้งหมดให้เป็นระดับพรีเมียมหรือ Exclusive Collection "เราตระหนักดีว่าตลาดมีการแข่งขันสูง เราจึงต้องนำหน้าเทรนด์เสมอ" ปัจจุบัน 100% ของพอร์ตโฟลิโอของ Club Med คือรีสอร์ทระดับพรีเมียม ซึ่งหมายถึงการพักผ่อนในจุดหมายปลายทางที่สวยงามที่สุด พร้อมบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก

หัวใจของ All-Inclusive ในแบบฉบับของ Club Med คือการมอบความไร้กังวลให้กับแขกผู้เข้าพัก "คุณจ่ายเพียงครั้งเดียวก่อนเดินทาง ทุกอย่างก็ถูกรวมไว้แล้ว" คุณราเชลกล่าว "นั่นหมายถึงไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงในช่วงวันหยุด คุณสามารถดื่มด่ำกับกิจกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจ อาหารและเครื่องดื่มชั้นเลิศ และความบันเทิงมากมายได้อย่างเต็มที่"

ไม่ใช่แค่ที่พัก แต่คือ "จิตวิญญาณของ Club Med" ที่เชื่อมโยงกับท้องถิ่น

สิ่งที่ทำให้ Club Med แตกต่าง ไม่ใช่แค่ความหรูหรา แต่คือ "จิตวิญญาณของ Club Med" (Spirit of Club Med) ซึ่งเป็นการผสมผสานบรรยากาศที่สนุกสนาน มีชีวิตชีวา และเป็นกันเอง เข้ากับการเคารพและเชิดชูวัฒนธรรมท้องถิ่น

Club Med ภูเก็ต คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด "ที่นี่คุณจะสัมผัสได้ถึงความเป็นไทยอย่างแท้จริง" คุณราเชลอธิบาย "ตั้งแต่งานสถาปัตยกรรม อาหาร กิจกรรมอย่างมวยไทย ไปจนถึงคลาสทำอาหารไทย" ยิ่งไปกว่านั้น Club Med ยังเปิดพื้นที่ให้ชุมชนท้องถิ่นนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายในรีสอร์ท สร้างรายได้และส่งเสริมวัฒนธรรมไปพร้อมกัน

"Happy to Care": ความยั่งยืนคือหัวใจของการดำเนินงาน

ในวันที่นักเดินทางใส่ใจเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น Club Med ได้ยึดมั่นในปรัชญา "Happy to Care" ซึ่งเป็นแนวคิดด้านความยั่งยืนที่ฝังลึกอยู่ในทุกมิติของการดำเนินงาน

"เราดำเนินธุรกิจในพื้นที่ธรรมชาติที่สวยงามที่สุดในโลก เราจึงมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ" คุณราเชลเน้นย้ำ นโยบายของ Club Med คือการสร้างรีสอร์ทบนพื้นที่เพียง 10% ของที่ดินทั้งหมด เพื่อรักษาระบบนิเวศโดยรอบ พร้อมทั้งปฏิบัติตามมาตรฐานการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดอย่าง BREEAM หรือ Green Globe

นอกจากนี้ยังมีการทำงานร่วมกับชุมชนอย่างใกล้ชิด เช่น ในภูเก็ต Club Med ได้ร่วมมือกับมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย (World Vision) เพื่อปรับปรุงโรงเรียน และทำงานร่วมกับมูลนิธิ Scholars of Sustenance (SOS) เพื่อบริจาคอาหารส่วนเกินให้กับผู้ที่ต้องการ

ตอบโจทย์นักเดินทางชาวไทยที่มองหาการพักผ่อนอย่างแท้จริง

คุณราเชลมองว่าแนวโน้มของนักเดินทางชาวไทยได้เปลี่ยนไป จากเดิมที่เน้นการเดินทางแบบเร่งรีบเพื่อเก็บให้ครบทุกที่ มาสู่การให้เวลาเพื่อผ่อนคลายและดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบตัวอย่างแท้จริง ซึ่งแนวคิด All-Inclusive ของ Club Med ตอบโจทย์นี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

"ที่นี่คือพื้นที่ปลอดภัยที่คุณจะได้ผ่อนคลาย ลองทำกิจกรรมใหม่ๆ พบปะผู้คนจากทั่วโลก และเพลิดเพลินกับทุกสิ่งโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย" ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่ต้องการใช้เวลาร่วมกันใน "Family Oasis" แห่งแรกในเอเชียแปซิฟิกที่ภูเก็ต หรือคู่รักที่มองหาความสงบในโซนผู้ใหญ่โดยเฉพาะ ไปจนถึงตลาดองค์กร (MICE) ที่ต้องการความสะดวกในการควบคุมงบประมาณและกิจกรรมสร้างทีมที่หลากหลาย Club Med ก็สามารถรังสรรค์ประสบการณ์ที่ปรับแต่งมาเพื่อแขกชาวไทยได้อย่างลงตัว

ท้ายที่สุดแล้ว Club Med ไม่ได้เป็นเพียงแค่โรงแรม แต่คือจุดหมายปลายทางที่มอบประสบการณ์การพักผ่อนที่ครบจบในที่เดียว ที่ซึ่งความหรูหรามาพร้อมกับการผจญภัย วัฒนธรรมท้องถิ่น และความรับผิดชอบต่อโลกใบนี้อย่างยั่งยืน