ผลโพลชี้ความนิยม"ทรัมป์"ไล่จี้ฮิลลารี

โพลชี้ผู้สนับสนุนรีพับลิกันเชื่อฮิลลารีโกงเลือกตั้ง-ไม่น่าเชื่อถือ ด้านทรัมป์เผยวิสัยทัศน์ 100 วันแรก

ผลสำรวจของรอยเตอร์ส/อิปซอส ระหว่างวันที่ 14-20 ต.ค. พบว่า ความนิยมของ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันอยู่ที่ 40% ตามหลัง ฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตเพียง 4% เมื่อเทียบกับผลสำรวจก่อนหน้าเมื่อวันที่ 7-13 ต.ค.ที่ทรัมป์ตามหลังฮิลลารีอยู่ 7% โดยในผลสำรวจเดียวกัน พบว่า 70% ของผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันเชื่อหากฮิลลารีชนะเป็นผลมาจากการโกง

การเปิดเผยดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังทรัมป์เปิดเผยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีการโกงเกิดขึ้นและย้ำจุดยืนดังกล่าวในการดีเบตรอบสุดท้ายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ผลสำรวจของวอชิงตันโพสต์/เอบีซีนิวส์ พบว่า มีเพียง 36% เท่านั้นที่เห็นว่าฮิลลารีซื่อสัตย์และน่าเชื่อถือ แม้ 60% จะเชื่อว่าฮิลลารีมีสภาวะทางอารมณ์เหมาะกับการเป็นผู้นำ อย่างไรก็ตามผลสำรวจของรอยเตอร์ส/อิปซอส พบว่า 63% เชื่อทรัมป์เคยกระทำผิดล่วงละเมิดทางเพศสตรีจริง

ทั้งนี้ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกันเปิดเผยแผน 100 วันแรกหลังได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี โดยทรัมป์จะจำกัดไม่ให้เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวผันตัวไปเป็นนักล็อบบี้หลังพ้นตำแหน่ง ขณะที่จะยกเลิกงบประมาณสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้กับสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และนำงบประมาณดังกล่าวมาลงทุนซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานแทน

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังจะเริ่มกระบวนการจัดการส่งกลับผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและอาชญากรมากกว่า 2 ล้านคนที่อยู่ในสหรัฐ โดยจะยกเลิกฟรีวีซ่าเข้าไปยังประเทศใดๆ ที่ปฏิเสธไม่รับผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายกลับประเทศ

"จะต้องเปลี่ยนแปลงจากด้านนอกของระบบที่พังทลายนี้ นโยบายของเราเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงนั้น ซึ่งครั้งหนึ่งจะได้เห็นในชีวิต" ทรัมป์ กล่าว

ภาพ...เอเอฟพี