บราซิล-เปรูสวย มหัศจรรย์น่าค้นหา
โลกนี้แสนกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใดไม่มีใครรู้ได้ จนกว่าที่เราจะได้ย่างเท้าก้าวออกไปสัมผัสและเห็นด้วยตาของตนเอง
โดย...อณุสรา ทองอุไร ภาพ สุรีรัตน์ ปานพรหม/สกลพล กาญจนศักดิ์ศจี
โลกนี้แสนกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใดไม่มีใครรู้ได้ จนกว่าที่เราจะได้ย่างเท้าก้าวออกไปสัมผัสและเห็นด้วยตาของตนเอง เช่นเธอคนนี้ สุรีรัตน์ ปานพรหม ผู้จัดการฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์ บริษัท ดีซี คอนซัลแทนส์ เธอเล่าว่า ได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่ป่าอะเมซอนเมื่อหลายปีก่อนกับเพื่อนช่างภาพและเพื่อนนักเขียนอีก 3-4 คน ทั้งไปเที่ยวและทำงานไปในคราวเดียวกัน ที่เลือกไปเที่ยวป่าดงดิบของประเทศบราซิล เพราะเพื่อนอยากไปเที่ยวถ่ายรูปและได้ข้อมูลมาเขียนสารคดีด้วย ก็เลยเลือกไปประเทศแปลกๆ ที่คนไทยยังไม่นิยมไปเที่ยวกัน
เธอและเพื่อนๆ ออกเดินทางจากประเทศไทยไปแวะที่ประเทศบราซิลและนอนที่เมืองเซาเปาโลก่อน 1 คืน ใช้เวลาบินประมาณเกือบ 30 ชั่วโมง โดยเครื่องจะแวะเติมน้ำมันที่ประเทศแอฟริกาใต้ให้พัก 2 ชั่วโมง จากนั้นบินต่อไปยังเมืองวาริก (Varig) ของบราซิล
สุรีรัตน์ ปานพรหม
เพื่อจะต่อเครื่องไปยังเมืองมะเนาซ์ เมื่อถึงเมืองมะเนาซ์คณะของเธอก็ไปเดินตลาดสด เดินชมบ้านดูเมือง ซึ่งตลาดของที่นี่จะมีร้านขายของเกี่ยวกับพวกวูดู ของเกี่ยวกับความเชื่อแนวไสยศาสตร์มากมาย แม้จะเป็นตลาดสด ตลาดผลไม้ก็ตาม
เธอไปเจอปลาช็อกเกอร์ที่ดูดกับกระจกเต็มไปหมด คนที่นั่นเขากินกัน ผลไม้ที่นี่สดและอุดมสมบูรณ์มาก กล้วยจะลูกใหญ่ หวีใหญ่มาก กลางวันชมเมืองชมตลาด เมืองนี้มีท่าเรือที่จะเข้าไปสู่อะเมซอนด้วย
ส่วนกลางคืนเราก็ไปโรงละครโอเปร่า ซึ่งใหญ่โตมาก หรูหรา เขานิยมเพลงคลาสสิก แม้ที่เมืองมะเนาซ์จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่โรงละครที่นี่ใหญ่โตสวยหรูมาก ถือว่าเป็นเมืองที่มีอารยธรรม
วันรุ่งขึ้นเรานั่งเรือเพื่อเข้าไปชมป่าอะเมซอน แล่นเรือเข้าไปในแม่น้ำที่สองข้างทางเป็นป่าเขียวทึบ แม่น้ำนี้สีเหมือนน้ำโค้กเลย คนขับเรือบอกว่าเพราะมีแร่ธาตุสูง อุดมสมบูรณ์มาก ตลอดป่าที่คณะแล่นเรือผ่านเข้าไปนั้นมีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่นมาก ขนาดต้นไม้จมอยู่ในน้ำเกือบครึ่งต้นก็ยังไม่ตายเพราะแร่ธาตุเยอะมาก
ลามา หรือ ลามะ คือสัตว์พื้นเมืองของชนเผ่าอินคา
พอขึ้นเรือเสร็จคณะก็ไปพักที่โรงแรมอาลิอาอู เป็นโรงแรมบนต้นไม้ กลมกลืนอยู่กับธรรมชาติ ตัวโรงแรมเชื่อมต่ออยู่กับธรรมชาติ มีสัตว์หลายชนิด ทั้ง ลิง นกแก้วมาคอว์ เกาะอยู่ตามราวสะพานสีสันสดใส กลมกลืนไปกับธรรมชาติ
“เราพักอยู่ที่นี่ 6 วัน แต่ละวันก็มีกิจกรรมตลอด เช่น บางวันไปจับจระเข้ เขาเรียกว่าไคมาน ไม่ดุเท่าไหร่ บางวันตอนกลางคืนก็นั่งเรือหางยาวไปในสวน ไกด์ก็จับจระเข้โชว์เฉยเลย แต่จระเข้จะตัวไม่ใหญ่มาก ถือว่าเป็นไฮไลต์ที่ต้องโชว์เลย วันอื่นๆ ก็ไปตกปลาปิรันยา ไปเดินป่าดูต้นไม้ จับปลามาเสร็จเย็นๆ ก็เอามาทอดให้เรากินเลย รสชาติก็เหมือนปลานิลบ้านเรา ผลไม้ก็เด็ดกินจากในป่าได้เลย กลางวันเราก็ออกไปถ่ายรูปในป่ากัน ไปดูสัตว์หายากแปลกๆ ไปจับตัวสล็อต จับงูเหลือมมาโชว์ให้ถ่ายรูป งูตัวใหญ่เบ้อเริ่มห้อยอยู่ตามต้นไม้ เรือก็แล่นเฉียดไป พวกเราก็ตื่นเต้นหวาดเสียว พอพวกเราหิวน้ำไกด์ก็ให้เราลองกินน้ำจากเถาวัลย์ต้นอวบๆ ซึ่งคนพื้นเมืองเขาก็กินแบบนั้น รสชาติก็เหมือนน้ำฝน ไม่เคยใช้ชีวิตใกล้ชิดกับธรรมชาติเช่นนี้มาก่อนเลย เป็นการทัวร์ป่าแบบเต็มรูปแบบจริงๆ”
แม่น้ำอูรูบัมบา
เดินลึกเข้าไปในป่าก็เจอหมู่บ้านหนึ่ง มีเด็กๆ กำลังเล่นฟุตบอล แสดงว่าคนที่นี่เขามีฟุตบอลอยู่ในสายเลือดทุกคนเลย แม้แต่ในหมู่บ้านเล็กกลางป่ายังมีสนามฟุตบอลเล่นกันเป็นเรื่องเป็นราว มีรูปนักฟุตบอลแขวนไว้ตามหน้าบ้านด้วย
“ตอนที่พวกเราไปถึงเขากำลังจัดงานแซมบ้ากันอยู่ ก็ชวนพวกเราออกมาเต้น เขาสนุกสนานคึกคักกันมาก มีวงดนตรีพื้นเมืองเป็นเรื่องเป็นราวมาก เป็นทริปที่ประทับใจมาก ไม่คิดว่าครั้งหนึ่งเราจะได้ไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ กินอยู่แบบชาวพื้นเมือง อยู่ท่ามกลางป่าอะเมซอนจริงๆ อยู่ที่นี่ 6 วัน ไม่มีเหงานะ มีเรื่องให้ออกไปทำทุกวัน สนุกมากค่ะ” เธอเล่าพร้อมรอยยิ้ม
โบสถ์ที่ตั้งอยู่ใจกลางจัตุรัส เมืองคุสโก เปรู
หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางกลับเข้ามาที่เซาเปาโลและบินต่อไปยังเมืองลิมา ประเทศเปรู เมืองนี้ไม่เคยมีฝนตกมาเลยในช่วงหลายปีมานี้ ทั้งที่อยู่ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก อากาศก็เย็นสบายกำลังดี เราไปกันช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. อยู่ที่ลิมา 2 วัน
เธอบอกว่าแปลกใจมากว่าที่เมืองลิมานี้มีพีระมิดและมัมมี่ด้วย มีพิพิธภัณฑ์ที่แสดงเกี่ยวกับมัมมี่เยอะเลย เมืองนี้มีพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง คณะนี้จึงเดินทางไปชมพิพิธภัณฑ์กันเยอะมาก แล้วได้ไปเจอนางงามเปรูด้วย เขามาที่นั่นพอดี
ตึกสไตล์โคโลเนียน กลางกรุงลิมา ประเทศเปรู
หลังจากนั้นก็เดินทางขึ้นไปยังมาชูปิกชู เป็นเมืองอินคาโบราณบนเทือกเขาแอนดีส การไปที่นี่คณะจะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปขึ้นรถไฟจากลิมา คณะขึ้นไปที่คุสโก ซึ่งเป็นที่ตั้งของมาชูปิกชู เป็นเมืองเก่ามาก ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก ต้องเดินช้าๆ ไม่งั้นจะเหนื่อยง่าย ต้องดื่มชาจากใบโคคาเป็นชาที่ช่วยปรับร่างกายไม่ให้เหนื่อยง่าย เธออยู่ที่คุสโก 2 วัน พักที่โรงแรมเล็กๆ เก่าๆ อายุนับ 100 ปี ดูขลัง สวยแบบมีมนต์ขลัง ได้กินอาหารพื้นเมืองทุกอย่าง มีข้าวโพด ข้าวสาลี ผักเม็ดใหญ่ที่ไม่รู้ชื่อ ไม่เคยเห็น แต่มีวางขายทั่วไปราคาไม่แพง
“เมนูเด็ดของที่นี่คือกุ่ย ซึ่งก็คือเมนูหนูเสิร์ฟมาทั้งตัว ชูหน้าสลอน ถือว่าเป็นจานเด็ดที่ทุกคนต้องลองเป็นอาหารระดับ 5 ดาวของที่นี่เลย แต่พวกเราก็วงแตก ไม่กล้ากิน มีเพื่อนช่างภาพกินก็บอกเหมือนเนื้อทั่วไป แต่เราขอผ่าน (หัวเราะ)”
โบสถ์ตั้งอยู่ใกล้ๆ ท่าเรือในเมืองมะเนาซ์ ประเทศบราซิล
ต่อจากนั้นก็ไปเที่ยวโบสถ์ ไปจัตุรัสของเมือง คนที่นี่หน้าตาจะคล้ายชาวอินเดียนแดง บ้านคนที่นี่ไม่ใหญ่โตนัก แต่ก็ดูเป็นระเบียบ เป็นหลังคาอิฐสีแดง ส่วนใหญ่พูดภาษาสเปนกัน ชาวบ้านเห็นพวกเธอคิดว่าเป็นคนจีนเขาไม่รู้จักคนไทย
วันที่ 3 ก็ไปมาชูปิกชู ขึ้นรถไฟแต่เช้าตรู่ วิ่งซอกแซกไปถึงยอดเขา ใช้เวลาหลายชั่วโมง กว่าจะถึง พอไปถึงยังต้องต่อรถตู้ขึ้นไปอีก แต่ธรรมชาติโดยรอบก็สวยงาม เป็นภูเขาสลับซับซ้อน เห็นแม่น้ำอูรูบัมบ่าไหลอยู่ข้างทางตลอด เป็นแม่น้ำเล็กๆ คล้ายลำธาร ไหลมาจากเทือกเขา คณะพักที่โรงแรมที่นี่ 1 คืน ราคาห้องแพงมากเพราะห้องน้อย บรรยากาศก็ดูขลัง มีพลังมาก “มีคนในคณะของเธอเจอเรื่องราวลี้ลับเหนือธรรมชาติด้วย ประมาณเจอผีอำ ได้ยินเสียงแปลกๆ ตอนอยู่ที่โรงแรมนี้ก็รู้สึกขนลุกเรื่อยเลยเวลาเดินไปไหนคนเดียว เพราะคนที่นี่เขายังมีวิถีแบบดั้งเดิม ยังมีการบูชายัญกันอยู่เลย มีกลิ่นอายของเมืองเก่านับพันๆ ปี สวยแบบลึกลับ”
ถือว่าเป็นทริปที่ประทับใจที่สุดในรอบ 10 ปี ของเธอเลยทีเดียว ไป 10 กว่าวัน ไม่เคยเบื่อเลย มีเรื่องให้ทำเพลินๆ ทุกวัน ทั้งบราซิลและเปรูเป็นประเทศที่ยังมีความขลัง ความสด มีความเป็นธรรมชาติแบบเดิมๆ ดิบๆ สวยงามเขียวขจี ถ้ามีโอกาสก็ยังอยากจะไปอีกสักครั้ง ไม่มีของแบรนด์เนม มีแต่ของแฮนด์เมดจากชาวบ้านที่สวยงาม พวกกระเป๋าทอ หินสี สวยแบบซื่อๆ จริงใจประทับใจมาก
โรงละครโอเปร่า เมืองมะเนาซ์ บราซิล
มิสเปรูและรอง
ตลาดขายของพื้นเมืองของชนเผ่าอินคา เมืองคุสโก ประเทศเปรู
บ้านเรือนในเมืองคุสโก ประเทศเปรู