posttoday

ต้องสู้!!! ถ้าอยากอยู่ธากา

26 ธันวาคม 2558

“ถ้าไม่เก่งจริง อยู่ธากาไม่รอดหรอก” เป็นคำกล่าวที่บอกต่อๆ กันมาของชาวบังกลาเทศ แต่ทว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

โดย...ทีมงานโลก 360 องศา [email protected]

“ถ้าไม่เก่งจริง อยู่ธากาไม่รอดหรอก” เป็นคำกล่าวที่บอกต่อๆ กันมาของชาวบังกลาเทศ แต่ทว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

ประเทศบังกลาเทศ มีเมืองหลวงชื่อกรุงธากา มีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร แต่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นประมาณ 1,033 คน/ตร.กม. หนาแน่นเป็นอันดับที่ 12 ของโลก ปัจจุบันชาวบังกลาเทศจำนวนมากนิยมเดินทางมากรุงธากาเพื่อแสวงหาโอกาสให้กับชีวิต จึงทำให้ที่นี่มีการแก่งแย่งแข่งขันเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด เพราะด้วยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของบังกลาเทศที่ไม่ดีมากนัก ประกอบกับระบบสาธารณูปโภคต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนาอีกนาน สวนทางกับการเติบโตทางสังคมที่เกิดขึ้นเร็วกว่า ดังนั้นสิ่งที่ตามมาคือความแออัดและความวุ่นวาย

กรุงธากาคือภาพสะท้อนถึงความแออัดและความวุ่นวายได้อย่างดี ตัวอย่างคือการจราจรที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะไม่เหมือนที่ใดในโลก ไม่ว่าจะเป็นตามแยกสำคัญๆ จะมีสัญญาณไฟจราจรเหมือนกับประเทศอื่นๆ แต่ในทางปฏิบัติจริงจะต้องมีตำรวจจราจรเป็นคนควบคุม และตำรวจจราจรก็จะถือไม้ไว้ในมือเพื่อใช้ลงโทษคนทำผิดวินัยจราจรด้วย นอกจากนั้นแล้วแม้ว่าผู้ขับขี่จะไม่ค่อยมีระเบียบวินัยจราจร แต่ก็อาศัยการรู้จังหวะ และความคุ้นเคยกับรูปแบบการขับขี่ของกรุงธากาเป็นหลัก มากไปกว่านั้นการเฉี่ยวและการชนท้าย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งบนถนนของกรุงธากา นั่นเป็นสาเหตุทำให้รถยนต์ส่วนใหญ่จะต้องมีกันชนรอบคัน หรือแม้แต่จักรยานสามล้อถีบบางคันก็ยังต้องมีกันชนรอบคันเช่นกัน และสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา นั่นก็คือการปิดถนน คนที่นี่ได้เล่าว่าการเกิดขบวนประท้วงและการปิดถนน ถือเป็นเรื่องปกติ ดังนั้น ถ้าจะเดินทางไปไหนต้องเผื่อเวลาไว้ด้วย

ต้องสู้!!! ถ้าอยากอยู่ธากา ท่าเรือซาดาร์กัต เป็นหนึ่งในท่าเรือแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก

 

สิ่งที่สังเกตได้อีกหนึ่งอย่างตามท้องถนน คือยานพาหนะเล็กๆ ที่เรียกว่ามินิแท็กซี่ หรือบ้านเราอาจจะเรียกรถกะป๊อ รถชนิดนี้เกือบทุกคันจะเติมก๊าซ CNG จนกระทั่งเรียกชื่อรถทับศัพท์ตามเชื้อเพลิงที่เติมว่า รถ CNG นั่นเอง ด้วยลักษณะเด่นที่มีขนาดกะทัดรัด มีหลังคากันแดดกันฝน และใช้เครื่องยนต์ จึงสามารถเดินทางได้ไกลกว่าจักรยานสามล้อถีบธรรมดาที่เรียกว่าริคชอว์ (Rickshaw)

ริคชอว์เป็นพาหนะยอดนิยมในกรุงธากา ว่ากันว่าในกรุงธากามีริคชอว์ประมาณ 1 ล้าน 5 แสนคัน มีการเปลี่ยนคนขับ 2 กะ ซึ่งนั่นคือมีคนปั่นริคชอว์ถึงประมาณ 3 ล้านคน จึงถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทำมาหากินของชาวบังกลาเทศและเป็นกระดูกสันหลังทางเศรษฐกิจของกรุงธากา เพราะจำนวนผู้คนประมาณครึ่งหนึ่ง ต่างเชื่อมโยงกับรายได้จากริคชอว์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างเหนื่อยและรายได้ไม่มาก แต่การปั่นริคชอว์ก็เป็นอาชีพที่คนบังกลาเทศที่เข้ามาหาโอกาสในกรุงธากา สามารถเริ่มต้นได้โดยใช้เงินทุนน้อยที่สุด ขอเพียงแค่มีความขยัน อดทน และสู้ชีวิต

ต้องสู้!!! ถ้าอยากอยู่ธากา ริคชอว์เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทำมาหากินของชาวบังกลาเทศ

 

การขยายตัวของพื้นที่ชุมชนเมืองในบังกลาเทศเกิดขึ้นเหมือนกับในประเทศอื่นๆ แต่สำหรับประเทศที่มีรายได้น้อยเช่นนี้ การขยายตัวจึงสร้างปัญหามากกว่าในประเทศอื่นๆ เรื่องที่อยู่อาศัยที่ไม่เพียงพอ และราคาค่าที่พักซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับรายได้ เช่น ค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ ห้องนอนเดียวในเมือง จะอยู่ที่ 8,000-1.5 หมื่นตาก้า ถ้าเทียบเป็นเงินไทยก็จะอยู่ระหว่าง 4,000-7,500 บาท ในขณะที่เงินเดือนเฉลี่ยของคนที่จบปริญญาตรีและพอมีประสบการณ์ ก็จะอยู่ที่ 1-1.5 หมื่นบาท ดังนั้น จะมีคนเพียงบางส่วนเท่านั้นที่แบกรับค่าครองชีพหมวดนี้ไหว ส่วนที่เหลือซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ก็ต้องหาที่พักราคาถูกและจะอยู่อย่างแออัดตามตรอกซอกซอย หรือไม่ก็ต้องพักในชุมชนย่านชานเมือง แล้วเดินทางเข้ามาทำงานในเมือง ซึ่งก็จะต้องเผชิญกับปัญหาการเดินทางที่ยังมีไม่เพียงพอ ทั้งในแง่ของคุณภาพและปริมาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชั่วโมงเร่งด่วน ช่วงเช้าและช่วงเย็นที่ทั้งเนืองแน่นและแออัด ทำให้แต่ละคนต้องหาวิธีการเดินทางของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นทางรถยนต์ รถเมล์ รถบัส มินิแท็กซี่ และริคชอว์ เมื่อการเดินทางบนท้องถนนจะใช้เวลามากเกินไป รถไฟจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อาศัยอยู่ห่างไกลออกไปจากตัวเมือง แม้ว่าจะใช้ความเร็วได้ไม่มาก ก็ยังถือว่าเคลื่อนที่ได้เรื่อยๆ ผู้คนมีมากเกินกว่าที่พาหนะทุกอย่างจะรองรับไหว พื้นที่บนรถไฟจึงต้องถูกใช้ให้คุ้มค่ามากที่สุด ไม่เว้นแม้แต่บนหลังคา ซึ่งไม่มีราวกั้นหรือที่ยึดเกาะกันตก

โชคดีอย่างหนึ่งที่กรุงธากาเป็นเมืองปากแม่น้ำใหญ่ ที่เชื่อมต่อไปยังแม่น้ำสายย่อยๆ ทำให้เกิดการจราจรและการขนส่งทางน้ำ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องเดินทาง ท่าเรือซาดาร์กัตเป็นหนึ่งในท่าเรือแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีเรือโดยสารขนาดเล็กและขนาดใหญ่เข้าออกกว่า 300 ลำ/วัน

ในช่วงเช้า-เย็น จะมีผู้โดยสารกว่า 5 แสนคน ซึ่งรวมทั้งวันก็จะมีผู้คนร่วมล้านคนที่เข้ามาใช้บริการ ท่าเรือแห่งนี้ เรือที่ให้บริการจะมีทั้งเรือขนาดใหญ่ที่บริการระยะไกล หรือเรือข้ามฟากขนาดเล็ก ที่ใช้เครื่องยนต์และใช้แรงฝีพาย

ปัญหาการขยายตัวของชุมชนเมืองก็เป็นเหมือนกันทุกประเทศ ผู้คนต้องการงาน ต้องการเงิน ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งคงไม่มีที่ไหนที่จะให้พวกเขาได้นอกจากเมืองหลวงหรือเมืองท่าทางเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าพอมีคนมากเกินไป ก็ต้องตามมาด้วยความแออัด แย่งกันอยู่ แย่งกันกิน แย่งกันใช้ แย่งงานกันทำ และปัญหาสำคัญที่ตามมาก็คือปัญหาด้านมลพิษและปัญหาสังคม ซึ่งกรุงธากาก็เผชิญกับปัญหาแทบทุกด้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ต้องสู้!!! ถ้าอยากอยู่ธากา รถไฟเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง

 

มลภาวะทางอากาศยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่สามารถ หาทางแก้ไขได้ในเร็ววันนี้ เพราะจะเกี่ยวเนื่องกับปัญหาจราจรที่ยังไม่สามารถแก้ได้ มลภาวะทางน้ำเกิดจากขยะเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งขยะที่ว่านี้นอกจากจะทำให้น้ำเน่าเสียแล้ว ยังเป็นตัวการหลักที่ทำให้ระบบระบายน้ำของกรุงธากามีปัญหา จนทำให้เกิดน้ำท่วมขังในช่วงที่มีฝนตก ปัญหาสังคมก็เกิดขึ้นไม่น้อยซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากปัญหาการเงินและความกดดันในชีวิต

แต่อย่าเพิ่งตกใจว่ากรุงธากาจะเป็นอย่างนั้นไปทั้งหมด เพราะนอกเหนือจากภาพของความแออัดและความวุ่นวายแล้ว กรุงธากาก็ยังมีมุมสวยๆ มีพื้นที่ดีๆ สะอาดๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ไปเที่ยวชม เพราะผลจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัยพ์ในกรุงธากาเติบโตตามไปด้วย เปลี่ยนให้กรุงธากามีโครงการก่อสร้างเกิดขึ้นมากมาย ทั้งอพาร์ตเมนต์ โรงแรม และร้านค้าทันสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บนถนนที่เชื่อมระหว่างสนามบินกับเขตเมืองเก่า อีกทั้งบังกลาเทศก็มีนโยบายดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ควบคู่กับการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยว ทำให้โรงแรมที่พักในกรุงธากามีการพัฒนาพอสมควร และมีหลายระดับให้เลือกตามความพึงพอใจ ดังนั้นนักท่องเที่ยวจึงไม่ต้องกังวลมากนักในเรื่องที่พัก

กรุงธากา เมืองที่มีลักษณะเฉพาะเป็นของตนเอง ไม่ใช่เมืองที่สวยที่สุด ไม่ใช่เมืองที่สะอาดที่สุด และไม่ใช่เมืองที่เป็นแหล่งช็อปปิ้งเลิศหรู แต่เป็นเมืองหนาแน่นที่มีเสน่ห์ มีถนนที่เป็นเอกลักษณ์ มีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ มีสายน้ำที่เป็นเอกลักษณ์ และมีผู้คนที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งทั้งหมดนี้ที่ทำให้เป็นกรุงธากาอย่างในทุกวันนี้ ถ้าเบื่อการท่องเที่ยวแบบเดิมๆ ก็ต้องลองไปสัมผัสบังกลาเทศดูสักครั้ง และสามารถติดตามชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางรายการโลก 360 องศา ทางช่อง 5 วันเสาร์ 3 ทุ่มครึ่งโดยประมาณ