posttoday

I’m OopAib สองขาพาส่องโลก

28 พฤศจิกายน 2558

คนที่เคยเก็บตัวอยู่ในห้องกลับเปลี่ยนเป็นคนไม่อยู่ติดบ้านตั้งแต่เธอเริ่ม “วิ่ง” อุ๊บอิ๊บ-ภคณีย์ บุรุษภักดี

โดย...รอนแรม ภาพ... ภคณีย์ บุรุษภักดี

คนที่เคยเก็บตัวอยู่ในห้องกลับเปลี่ยนเป็นคนไม่อยู่ติดบ้านตั้งแต่เธอเริ่ม “วิ่ง”

อุ๊บอิ๊บ-ภคณีย์ บุรุษภักดี สาวนักวิ่งมาราธอนและนักวิ่งเทรลวัย 30 ปี ค้นพบความสวยงามบนโลกเมื่อเธอวิ่ง ชีวิตมีเป้าหมายชัดเจนเพราะการวิ่ง และมีเพื่อนมากมายจากสังคมวิ่ง

มาราธอน

อุ๊บอิ๊บหรืออิ๊บเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งครั้งแรกเมื่อปี 2555 ซึ่งตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่เคยนับว่าแข่งวิ่งมากี่ครั้ง เพราะมันมากเหลือเกิน

I’m OopAib สองขาพาส่องโลก

 

“อิ๊บวิ่งก่อนเทรนด์วิ่งมาราธอนบูม” ช่วงที่คนนิยมวิ่งมาราธอนมากๆ น่าจะหลังกระแสภาพยนตร์เรื่องรักเจ็ดปีดีเจ็ดหนที่มีตัวเอกชนะใจตัวเองด้วยการวิ่งมาราธอน เธอกล่าวว่า “ชีวิตเปลี่ยนไปมากพอออกวิ่งตามงาน เพราะมันมีแรงกระตุ้นบางอย่าง อย่างถ้าวิ่งคนเดียว วิ่งได้เท่าไรก็เท่านั้น การเปลี่ยนแปลงก็แค่น้ำหนักลดลง สุขภาพเราดีขึ้น แต่สังคมเราเปลี่ยนไปเลยไหม มันก็ไม่ เพราะเรายังใช้ชีวิตเหมือนเดิม แค่เรามีความสุขขึ้น มีกิจกรรมทำมากขึ้นเท่านั้น”

เดิมทีอิ๊บเป็นคนไม่เดินทาง ไม่ออกจากห้องพักโดยไม่จำเป็น เหมือนเป็นตัวละครลับที่คนอื่นมองไม่เห็น “อิ๊บรู้สึกว่าการอยู่นอกห้องมันไม่ปลอดภัย มันเป็นความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยน กลายเป็นว่าการได้ออกไปข้างนอกคือประสบการณ์ คือการได้ใช้ชีวิตจริงๆ ทัศนคติเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ออกไปวิ่งงาน”

I’m OopAib สองขาพาส่องโลก

 

เธอเริ่มเล่าเรื่องราวในเฟซบุ๊ก ทำให้มีคนเข้ามาแนะนำเทคนิคการวิ่ง เข้ามาให้กำลังใจ กลายเป็นคนชอบเข้าสังคม จากวิ่งคนเดียวในยิมก็เปลี่ยนไปวิ่งที่สวนลุม อยู่ในสังคมที่ชอบการวิ่งเหมือนกัน คุยภาษาเดียวกัน เข้าใจซึ่งกันและกัน และเมื่อได้วิ่งไปเรื่อยๆ มันเหมือนสารเสพติดที่ต้องทำทุกวัน

“คนวิ่งจะติดความสุขหลังการวิ่ง ที่จริงแล้วเวลาวิ่งเราไม่ได้มีความสุขตลอดเวลานะ มันเหนื่อย แต่ความสุขมันอยู่ที่ตอนวิ่งเสร็จแล้วต่างหาก คนเราเสพติดตรงนี้ ไม่ใช่เสพติดความทรมานระหว่างทาง อย่างอิ๊บก็ต้องวิ่งทุกวัน เหมือนเราต้องแปรงฟังทุกเช้า มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว”

I’m OopAib สองขาพาส่องโลก

 

เทรล

หลังจากวิ่งถนนมาได้สักพักใหญ่ อิ๊บก็เริ่มขยับมาวิ่งเทรลหรือการวิ่งในป่า ซึ่งตอนนี้เธอวิ่งไปถึงระดับอัลตราเทรลระยะ 100 กม. และการวิ่งเทรลนี้เองที่ทำให้เธอต้องออกจากเมืองไปโดยปริยาย เพื่อไปหาป่าเขาตามต่างจังหวัดถึงต่างประเทศ

สถานที่ซ้อมวิ่งเทรลที่เธอชอบไปมากที่สุดคือ เชียงใหม่ โดยจะนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ เย็นวันศุกร์ วิ่งเสาร์-อาทิตย์ บินกลับเย็นวันอาทิตย์ แล้วเข้าออฟฟิศทำงานต่อวันจันทร์ (เธอยังเป็นพนักงานบริษัท)

I’m OopAib สองขาพาส่องโลก

 

“ตั้งแต่วิ่งเทรลมันทำให้อิ๊บเปิดโลกกว้างมากขึ้นไปอีก เมื่อก่อนวันเสาร์-อาทิตย์ ลูกบิดห้องยังไม่ได้จับเลยค่ะ ตื่นมาอยู่แต่ในห้อง เล่นคอมพ์ กินของในตู้เย็น ไม่ได้เดินออกไปไหนเลย แต่เดี๋ยวนี้เสาร์-อาทิตย์ที่อยู่กรุงเทพฯ จะรู้สึกแปลก ไม่รู้ว่าอยู่เฉยๆ ต้องทำยังไง”

อิ๊บชอบไปซ้อมวิ่งที่เชียงใหม่ เพราะมีภูเขาที่ชันต่อเนื่องมากพอ อย่าง ดอยสุเทพ ดอยปุย ดอยหลวงเชียงดาว “อิ๊บเคยวิ่งสตาร์ทจากหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คนทั่วไปจะไม่รู้ว่าด้านหลัง มช. มีทางขึ้นดอยสุเทพระยะ 5 กม. จากนั้นมีทางเทรลต่ออีกประมาณ 14 กม. ถึงบ้านขุนช้างเคี่ยน และอีก 3 กม. ขึ้นไปถึงยอดดอยปุย อิ๊บต้องวิ่งเลาะสันเขาขึ้นๆ ลงๆ ไปเจอผากลอง ซึ่งสวยมาก แล้วไปเรื่อยๆ จนโผล่แม่สา ไปพักที่ม้งลอดจ์ จากนั้นจะมีทางไปต่อถึงบ้านแม่กำเปียง เป็นหมู่บ้านชาวเขา มีโฮมสเตย์ให้นอน แล้วก็วิ่งต่อเรื่อยๆ ไปถึงถนนเส้นที่จะไปปาย ตัดข้ามถนนเส้นนั้นเข้าป่าไปอีก ไปโผล่ที่บ้านสบก๋าย จากนั้นไม่ไกลจะมีน้ำตกชื่อน้ำตกตาดหมอกใน อ.แม่แตง แล้วก็ขึ้นเขาไปอีกจนถึงบ้านกุ๊บกั๊บ เรานอนที่หมู่บ้านนั้นได้เหมือนกัน แล้ววิ่งขึ้นเขาต่อไปจนถึงเขาสามเหลี่ยม มันเหมือนพีระมิดจริงๆ พอถึงจุดนั้นก็วิ่งลงเขาเพื่อขึ้นเขาอีกลูกจนเห็นดอยหลวงเชียงดาวไกลๆ อิ๊บวิ่งเลาะด้านหลังภูเขาจนเลยดอยหลวงเชียงดาว (หัวเราะ) แล้วก็ไปจบที่บ้านนาเลาใหม่ ได้เห็นวิวดอยหลวงเชียงดาวในมุมที่ไม่เหมือนใคร”

I’m OopAib สองขาพาส่องโลก

 

เส้นทางทั้งหมดใช้เวลา 3 วัน ซึ่งแต่ละครั้งที่ออกวิ่งต้องวางแผนให้ดี โดยเฉพาะเรื่องสถานที่ดื่มน้ำ แต่ถ้าใกล้กรุงเทพฯ เธอแนะนำ เขาไม้แก้ว จ.ชลบุรี เทือกเขาตะนาวศรี จ.ราชบุรี และภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์

อย่างไรก็ตาม ถ้าอยู่ในการแข่งขันเธอแทบไม่มองธรรมชาติ เพราะต้องทำเวลาจนเธอรู้สึกเสียดาย “บางทีเราอยากหยุดมองตรงนี้นานๆ แต่เราทำไม่ได้ เพราะเราต้องไปจุดหมายให้ทันเวลา ทำให้เวลาที่อิ๊บไปซ้อมเองจะมีความสุขมากกว่า มันสวรรค์กว่าเยอะเลยค่ะ ได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ มันต้องหยุดมอง และตั้งแต่วิ่งเทรลมันทำให้อิ๊บหวงธรรมชาติ”

ประเด็นวิ่งเทรลรบกวนธรรมชาติหรือไม่ ในทัศนะของเธอมองว่าแล้วแต่จิตสำนึกของคน เพราะทางเทรลคือทางเดิมที่ชาวบ้านใช้เดินอยู่แล้ว ไม่ใช่ทางใหม่ที่นักวิ่งไปทำเอง แต่ที่น่าเป็นห่วงคือระหว่างวิ่งอย่าทิ้งขยะ อย่าออกนอกลู่ทาง “ไม่ใช่แค่นักวิ่งเทรล แต่มันคือทุกคนที่เข้าป่าก็มีโอกาสทำลายธรรมชาติ ดังนั้น มันขึ้นอยู่กับจิตสำนึกล้วนๆ อย่างอิ๊บกินอะไรก็จะเก็บ เสื้ออิ๊บเลอะซองขนม แต่พอซักมันก็สะอาด”

อิ๊บเล่าว่าบางประเทศอย่างญี่ปุ่นเปิดป่าให้เป็นสถานที่ออกกำลังกาย เพื่อให้คนเข้าไปอยู่ในธรรมชาติ ทำให้เกิดความหวงแหน และคนได้รับประโยชน์จากอากาศบริสุทธิ์ที่ป่ามอบให้ แต่นั่นก็เพราะคนมีวินัยและใจอนุรักษ์ หรืออย่างงานวิ่งเทรลก็มีกฎเคร่งครัด โดยเฉพาะการทิ้งขยะหรือการปล่อยสิ่งปฏิกูลระหว่างทาง และกฎห้ามใช้ไม้โพล (Trail Running Pole) เพื่อป้องกันการทำลายต้นไม้เล็กๆ ข้างทาง

โลกของอุ๊บอิ๊บ

ถ้ามีโลกของตัวเองหนึ่งใบ เธออยากให้โลกใบนั้นไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรเลย “อิ๊บอยากให้คนได้ใช้กำลังของตนเองอย่างเต็มที่ ได้มีความสุขกับการใช้ร่างกาย มนุษย์เกิดมาเพื่อวิ่ง มนุษย์เกิดมาเพื่อเดินทางด้วยการวิ่ง แต่เพราะเรามีสมองเราถึงทำรถยนต์ เครื่องบิน เราถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวก แต่จริงๆ คนเราทุกคนพร้อมที่จะวิ่งได้อยู่แล้ว เราแค่ติดกับความสบายจึงไม่ทำ ไม่รู้ว่าร่างกายมันมีค่าแค่ไหน เราไม่ค้นหาสิ่งที่เรามีในตัวเรา แต่เราไปค้นหาสิ่งที่ยังไม่มี

อิ๊บไม่เคยรู้ว่าอิ๊บจะวิ่งได้ถึง 100 กม. ไม่รู้ว่าตัวเองจะวิ่งได้เร็วแค่ไหนถ้าอิ๊บไม่ออกไปวิ่ง ดังนั้นโลกที่อยากจะได้ไม่ต้องสปอยล์เราหรอก อิ๊บอยากให้ในโลกมีป่าเขียวๆ มีสิ่งที่เป็นธรรมชาติจริงๆ ร่างกายเราก็เป็นธรรมชาติ ป่าก็เป็นธรรมชาติ คนกับป่าสามารถอยู่ด้วยกันได้ มีความสุขแน่ๆ ถ้าพึ่งพากัน”

ติดตามเรื่องวิ่งและการเดินทางของอุ๊บอิ๊บได้ในหนังสือ Happy Running เฟซบุ๊ก I’m OopAib และอินสตาแกรม @oop_aib