posttoday

รักเมืองไทยเฟซบุ๊กกระตุ้นท่องเที่ยว

03 ตุลาคม 2558

แคมเปญ #ThailandStandup Challenge#StrongerTogetherในโครงการอนุรักษ์ร่วมกิจกรรมรักเมืองไทยที่สุดเลยเพื่อรณรงค์ส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

โดย... กองบรรณาธิการ

แคมเปญ #ThailandStandup Challenge#StrongerTogetherในโครงการอนุรักษ์ร่วมกิจกรรมรักเมืองไทยที่สุดเลยเพื่อรณรงค์ส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเมืองไทยที่แพร่หลายด้วยความภาคภูมิใจของเหล่าบรรดาผู้ใช้เฟซบุ๊กในไทยขณะนี้นับว่าเป็นโครงการที่ดีโครงการหนึ่งที่ทำให้มองเห็นมุมที่ดีของโซเชียลมีเดียแม้ว่าไม่ได้เห็นผลเป็นตัวเงิน แต่เป็นการประชาสัมพันธ์ที่เกิดจากจิตสำนึกให้คนในสังคมเฟซบุ๊กระลึกถึง เมื่อมีโอกาสจะได้มีแหล่งข้อมูลสำหรับคนที่ไม่มีเวลาได้รู้จักแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่เคยมีโอกาสไปเที่ยวมาก่อนได้รับรู้ได้

โครงการนี้เกิดขึ้นจากผู้ใช้เฟซบุ๊กนามว่า Dhanapol Phanngam หรือ ธนพล พันธุ์งาม นิสิตคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่อยากแชร์ภาพที่ดีของเมืองไทย หลังเกิดเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ เดิมมีผู้ทำแคมเปญ #ThailandStandup อยู่แล้ว

เงื่อนไขของแคมเปญนี้ คือ การโพสต์ภาพตัวเองกับสถานที่ท่องเที่ยว วันละ 1 ภาพ 3 วันต่อเนื่อง บอกสถานที่ท่องเที่ยวและติด #ThailandStandupChallenge#StrongerTogether# พร้อมชักชวนเพื่อนให้มาร่วมแคมเปญด้วย คนที่ได้รับการท้าทายต้องโพสต์รูปภายใน 24 ชั่วโมง

“หลังเหตุระเบิด มีการแชร์ภาพเหตุการณ์ ซึ่งดูแล้วไม่เหมาะสม จนมีช่างภาพคนหนึ่งออกมาเรียกร้องให้หยุดแชร์ภาพจากเหตุระเบิดดังกล่าว พร้อมกับเรียกร้องให้แชร์ภาพที่สวยงามของเมืองไทยแทน ผมเห็นแล้วว่าน่าจะทำให้แคมเปญนี้น่าสนใจมากขึ้น จึงท้าทายต่อกับกลุ่มเพื่อนๆ เป็น #ThailandStandupChallenge# กระจายออกไปยังกลุ่มต่างๆ” ธนพล กล่าว

ถึงวันนี้ ไม่รู้ว่าแคมเปญดังกล่าวถูกแชร์ไปมากน้อยเพียงใด แต่ย้อนกลับมาที่คนใกล้ตัวมากขึ้น จึงคิดว่าแคมเปญนี้ได้รับกระแสพอสมควร และมีเฟซบุ๊กจากเพื่อนบางกลุ่มที่ส่งต่อไปยังกลุ่มเพื่อนๆ ที่อยู่ในต่างประเทศด้วย รวมทั้งมีดารา นักแสดง ร่วมส่งต่อแคมเปญนี้ด้วย

ธนพล กล่าวว่า แคมเปญครั้งนี้ต้องการอยากให้เห็นภาพที่สวยงามของประเทศไทย โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว เพราะหลังเหตุระเบิด ทำให้การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ ส่วนตัวยังไม่ได้คิดทำแคมเปญต่อยอดอื่นๆ แต่เห็นในเฟซบุ๊กมีการสร้างกระแสต่อแล้ว เช่น #ThailandFood #ThailandCute เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นความคิดสร้างสรรค์ในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในทางที่ดี

ศุกรีย์ สิทธิวนิช รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า แคมเปญนี้ถือเป็นแคมเปญที่ดีที่ช่วยสร้างกระแส สร้างการรับรู้ของประเทศไทย กระตุ้นให้ประชาชนอยากที่จะเดินทางท่องเที่ยวได้ทันที แม้จะผ่านเรื่องเลวร้ายมา สอดคล้องกับหลายๆ แคมเปญของ ททท.ก่อนหน้านี้ ที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อเครื่องมือในการสร้างกระแสท่องเที่ยวเมืองไทย และช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้ ททท.จะมีแคมเปญในลักษณะใกล้เคียงกันนี้ออกมาอีก

“สื่อสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือที่มีอิทธิพลในโลกยุคปัจจุบัน การสื่อสารไม่ได้จำกัดอยู่แค่สื่อดั้งเดิมอีกต่อไปคนใช้มือถือ สมาร์ทโฟนจำนวนมาก ทำให้การสื่อสารผ่านช่องทางใหม่ๆ มีอิทธิพลมากขึ้น แอพพลิเคชั่น โซเชียลเน็ตเวิร์กเฟซบุ๊ก สามารถสร้างกระแสได้อย่างรวดเร็ว”

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ททท.ใช้เครื่องมือโซเชียลในการจัดทำแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวหลายโครงการ เช่น I Hate Thailand แคมเปญกอดเมืองไทย ให้หายเหนื่อยเป็นต้น

ยุทธชัย สุนทรรัตนเวช นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) กล่าวว่า การจัดทำแคมเปญในลักษณะนี้ถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ที่กระตุ้นให้คนในประเทศหันมาช่วยกัน เรื่องนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ที่มีกลุ่มจิตอาสาเหล่านี้ ทำออกมาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม แคมเปญจะมีพลังมากยิ่งขึ้น หากได้รับการบูรณาการจากหน่วยงานภาครัฐ ที่เข้ามาช่วยกันต่อยอดไปจนถึงระดับประเทศ ภูมิภาค รวมทั้งระดับโลกได้ จะยิ่งทำให้แคมเปญประสบความสำเร็จ และสามารถดึงผู้คนจากทั่วโลกเข้ามามีส่วนร่วมกับประเทศไทย

“แคมเปญเหล่านี้เป็นแคมเปญที่มาจากใจ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้วในการแสดงออกในเชิงสร้างสรรค์ต่อประเทศ แม้ภาครัฐจะไม่ได้เข้ามาสนับสนุน หากจุดติดจนสามารถส่งผ่านการมีส่วนร่วมไปสู่สังคมโลกจะยิ่งดีมาก” ยุทธชัย กล่าว

รักเมืองไทยเฟซบุ๊กกระตุ้นท่องเที่ยว ศุกลวัฒน์ คณารศ

 

 

ศุกลวัฒน์ คณารศ

พระเอกหนุ่มช่องมากสี เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ เป็นดาราอีกหนึ่งคนที่เข้าร่วมรณรงค์และส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในกิจกรรม “รักเมืองไทยที่สุดเลย” ซึ่งหลังจากเจ้าตัวเริ่มโพสต์รูปลงในอินสตาแกรมของตัวเองจากคำท้าของน้องๆ ในกองถ่ายละคร พระเอกหนุ่มก็รีบรับคำท้าพร้อมโพสต์รูปภาพ 3 รูป ใน 3 วัน และส่งต่อกิจกรรมให้กับเพื่อนของเขาอีกหลายคน ซึ่งเจ้าตัวถือเป็นดาราที่สามารถปลุกกระแสเป็นวงกว้าง ทำให้คนรู้จักกิจกรรมดีๆ เช่นนี้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งโดยส่วนตัวเวียร์ได้เล่าถึงความคิดของเขาต่อกิจกรรมดังกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขให้ฟังว่า

“จริงๆ แล้วผมเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวอยู่แล้วทั้งในและต่างประเทศ และก็ท่องเที่ยวในหลากหลายรูปแบบด้วย ก็อย่าง แบ็กแพ็ก ปีนเขา เดินป่า ขี่มอเตอร์ไซค์ หรือไม่ก็เดินทางกับครอบครัวเสมอๆ ซึ่งผมไปมาหลายที่มาก พอมีน้องๆ จากช่อง 7 มาท้าผม เพื่อเชิญชวนให้ชาวต่างชาติและคนไทยกระตุ้นการท่องเที่ยว ผมก็คิดหนักเลยนะ เพราะสามารถโพสต์รูปสถานที่เที่ยวได้เป็นเดือนๆ แต่ผมก็พยายามเลือกเอาสถานที่ที่น่าสนใจที่สุดและคนไปน้อย เพื่อให้คนที่ติดตามผมเห็นและอยากออกไปท่องเที่ยว ซึ่งนั่นคือจุดประสงค์สำคัญที่กิจกรรมนี้มีขึ้น

“แล้วสำหรับผม คิดว่าทำได้ตามเป้านะกับกิจกรรม ผมโพสต์รูปจนครบ ยิ่งคนได้เห็นรูปที่เราไปเที่ยว เขาก็อยากรู้ว่าสถานที่ที่เราไปสวยจริงหรือเปล่า ก็เข้ามาคอมเมนต์กัน คนที่ผมท้าต่อเขาก็ไปทำกิจกรรมตาม ซึ่งตัวผมก็ถือว่ากิจกรรมนี้มันเป็นประโยชน์ดีครับ เพราะอย่างน้อยๆ คนจะได้รู้ว่าในเมืองไทยยังมีสถานที่ที่น่าไปอีกเยอะมาก แล้วที่ผ่านมาบ้านเมืองเราเจอเหตุการณ์ที่มันบั่นทอนจิตใจอย่างมาก ซึ่งผมคิดว่าเมื่อเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ การได้ออกเดินทางท่องเที่ยวถือเป็นการพักผ่อนสมอง ไปเที่ยวแล้วมันจะทำให้หายเครียดแล้วมันจะทำให้เราได้พบกับความสุข ซึ่งผมก็คิดว่ากิจกรรมดีๆ แบบนี้จะช่วยให้คนหันมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น ซึ่งผมก็อยากบอกไว้ตรงนี้นะครับว่า ออกมาใช้ชีวิตกันเถอะครับ เชื่อแน่ว่าคุณจะมีความสุข”

พระเอกหนุ่มขวัญใจสาวๆ ฝากไว้เช่นนั้นถึงกิจกรรมดีๆ ที่อยากส่งต่อความรู้สึก

รักเมืองไทยเฟซบุ๊กกระตุ้นท่องเที่ยว ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์

ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์

นางเอกดาวรุ่งแห่งช่อง 3 ที่กำลังจะมีผลงานเรื่อง สะใภ้เจ้า ให้ได้ชมกันเร็วๆ นี้ ณิชา-ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ เพิ่งกลับจากออกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ (เมืองที่ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ หวานใจของเธอพักและเรียนอยู่) แล้วเมื่อกลับมาเมืองไทยก็เจอกับกระแสแฮชแท็ก #ThailandStandupChallenge ท้าโพสต์ภาพท่องเที่ยวในเมืองไทย บอกให้โลกรู้ว่าเมืองไทยน่าเที่ยวขนาดไหน ตอนแรกก็งงๆ แต่เมื่อโดนท้ามาจากสามสาว คาริสา สปริงเก็ตต์, น้ำตาล-พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ และ แอปเปิ้ล-ลาภิสรา อินทรสูตมีหรือที่ขาท่องเที่ยวไทยจะยอมพลาด

“หนูชอบไปทะเลหัวหิน ชอบเล่นน้ำทะเลค่ะ ถ้าช่วงไหนไม่มีแมงกะพรุนจะลงเล่นไม่กลัวดำ ชอบกิจกรรมเอาต์ดอร์อยู่แล้ว ทะเลไปบ่อยค่ะ ทะเลหัวหินสงบดี แล้วหนูชอบไปเล่นสวนน้ำ หนูไปเที่ยวบ่อยนะคะ เรียกได้ว่าถ้ามีเวลาว่างเมื่อไหร่ หนูกับครอบครัวก็จะออกไปเที่ยวเลย ที่ไปบ่อยจะเป็นทะเลค่ะ และก็เขาใหญ่ แทบจะบ่อยที่สุด อาจเป็นเพราะไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มาก และหนูก็ชอบอากาศ ได้ไปเดินเล่นสูดอากาศ เดินเล่นที่สวนสัตว์ และที่เขาใหญ่ก็มีที่ที่หนึ่งที่หนูชอบมาก เป็นร้านอาหารที่อยู่บนยอดเขาสูงๆ เป็นร้านที่เงียบ เห็นวิวทิวทัศน์สวยงามมาก นอกจากชอบทะเลมากก็ภูเขานี่แหละค่ะ หนูว่าภูเขาเมืองไทยมีเสน่ห์กว่าต่างประเทศตรงที่มีชีวิตมีวัฒนธรรมของผู้คนที่อาศัย อย่างแม่ฮ่องสอนหนูก็ชอบ”

ภาพที่ณิชาเลือกมาโพสต์เป็นภาพแรกในอินสตาแกรม คือภาพทะเลที่เธอหลงรัก และเธอขอท้าต่อไปยังนางเอกร่วมช่อง แพทริเซีย ธัญชนก กู๊ด

“หนูว่ากิจกรรมนี้ดีนะคะ เพราะว่าสื่อเดี๋ยวนี้เผยแพร่ไปเร็วมาก เราโพสต์ลงในพื้นที่ของเราแต่มีคนอื่นเห็นแล้วแชร์ต่อท้ากันต่อ ทำให้คนได้เห็นภาพที่สวยงามมากมาย แล้วถ้าเราค้นหาด้วยการ# ก็จะเจอภาพของทุกคน จะได้เห็นว่าเมืองไทยบ้านเรามีอะไรบ้าง บางที่เราก็ไม่เคยไป ที่หนูเลือกท้าแพทริเซีย เพราะหนูคิดว่าเขาน่าจะมีรูปสวยๆ เยอะ คนอื่นจะได้เห็นค่ะ”

รักเมืองไทยเฟซบุ๊กกระตุ้นท่องเที่ยว นาตาลี เจียรวนนท์

นาตาลี เจียรวนนท์

สาวสวยที่เก่งทั้งงานแสดงและพิธีกร (หนีเที่ยว โมเดิร์นไนน์ และผู้หญิงนะคะ ททบ.5) หนึ่งอย่างที่ นาตาลี เจียรวนนท์เก่งไม่แพ้กัน นั่นคือการเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะประเทศไทยเธอไปเยือนมาเกือบทั่ว ซึ่งรูปที่เธอนำมาโพสต์ในอินสตาแกรม @lee_natalie แคมเปญ #ThailandStandupChallenge #StrongerTogether เริ่มจากเพื่อนในกลุ่มเป็นคนท้าให้ร่วมโพสต์และท้าให้เพื่อนคนอื่นๆ ร่วมโพสต์ต่อ ด้วยว่ามีรูปในคลังเยอะ จึงไร้ปัญหา ค้นในมือถือแป๊บเดียว เธอก็เลือกมาโพสต์รูปทันที ตอนนี้ต่อเนื่อง 3 เป็นรูปเรียบร้อย ที่แรกพิพิธภัณฑ์อูบคำ จ.เชียงราย ถัดมาเป็นเกาะราชา จ.ภูเก็ต ล่าสุดคือ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา  

“ที่เลือก 3 สถานที่ เพราะอยากให้เห็นความแตกต่างว่าประเทศไทยมีที่เที่ยวไม่ซ้ำกันเลย แบบวัฒนธรรมล้านนาก็มี แบบทะเลสวยๆ ก็มี แบบธรรมชาติก็มี ซึ่งส่วนตัวลีก็ชอบทั้ง 3 แบบ แต่ละที่ก็มีเสน่ห์ไปคนละแบบ”

แคมเปญนี้นาตาลีมองว่าน่าจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ กระตุ้นการท่องเที่ยว ตลอดจนความเชื่อมั่นให้ประเทศไทยได้ไม่มากก็น้อย เพราะรูปที่เธอโพสต์นั้นเป็นด้านบวก ยิ่งกับนักท่องเที่ยวที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะมาท่องเที่ยวประเทศไทยดีหรือไม่ เมื่อรูปเหล่านั้นถูกเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง การตัดสินใจก็ยิ่งง่ายขึ้น ขณะเดียวกันในมุมคนไทยเองก็จะทำให้คนไทยหันมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้นด้วย

“มีประโยชน์กับประเทศไทยและคนไทยแน่นอนค่ะ เพราะสิ่งที่ตัวลีหรือคนอื่นๆ นำไปโพสต์มันคือสิ่งที่มีอยู่ในประเทศไทยจริงๆ และคนเราไทยก็ไปเที่ยวมาแล้ว คนที่ตามไอจี หรือเป็นแฟนเพจในเฟซบุ๊กของคนดัง ซึ่งไม่ใช่แค่คนไทยด้วยกันเองละ แต่ยังรวมถึงคนต่างชาติที่เป็นแฟนคลับ จะได้เห็นว่าประเทศไทยมีสถานที่น่าไปท่องเที่ยวมากมาย สวยๆ ทั้งนั้น ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทางหนึ่งค่ะ แล้วยังจะช่วยลบภาพลักษณ์ด้านลบที่เคยเกิดขึ้นประเทศไทยให้กลับมาเป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวและน่าอยู่ ก็จากรูปสถานที่ท่องเที่ยวที่คนดังช่วยกันนำไปโพสต์นี่ละคะ”

รักเมืองไทยเฟซบุ๊กกระตุ้นท่องเที่ยว เจฟฟรี่ เบญจกุลวิวัฒน์

เจฟฟรี่ เบญจกุลวิวัฒน์

หลังจากเข้าร่วมแคมเปญนี้แล้ว เจฟฟรี่ เบญจกุลวิวัฒน์ เลือกภาพเที่ยวสบายๆ ไปง่ายๆ ในกรุงเทพฯ และบรรยายภาพที่ 1 ว่า “...ชุมชนบ้านครัว กรุงเทพฯ ผ้าไหม” เขาเลือกภาพนี้เพราะอยากชวนไปเที่ยวชมวิถีชุมชนเก่าแก่ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่นี่บอกได้ว่าเมืองหลวงของเรามีแหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมหลากหลาย ชุมชนบ้านครัว เป็นพื้นที่ชาวจามอพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โดยมาตั้งถิ่นฐานอยู่ริมคลองมหานาคตั้งแต่ยุคต้นรัตนโกสินทร์ อาชีพเดิมของชาวจามคือ การประมงและการทอผ้าไหมพื้นเมือง สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน และตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ตั้งเป็นชุมชนถาวรอยู่ริมคลองแสนแสบซอยเกษมสันต์ ตรงข้ามสนามกีฬาศุภชลาศัย เดินทางไปได้สะดวกสบายด้วยสถานีรถไฟฟ้า

“ภูมิปัญญาการทอผ้าไหมคุณภาพสืบทอดมาอย่างยาวนานเมืองไทยของชุมชนนี้ จึงได้รับการสนับสนุนจาก จิม ทอมป์สัน นายห้างชาวต่างชาติรู้สึกหลงใหลในผ้าไหมไทยที่สนับสนุนชาวชุมชนบ้านครัวทอผ้าเพื่อส่งขายภายใต้ชื่อ จิม ทอมป์สัน ซึ่งโด่งดังไปทั่วโลก ตอนนั้นผมไปทำรายการท่องเที่ยว ‘บางกอกเดย์เอาท์’ กับ ททท. และช่อง 11 ประทับใจที่นี่มากครับ และกลับไปเที่ยวอีก 2-3 ครั้ง เพราะที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ของ จิม ทอมป์สัน ให้ชมด้วยแล้วสามารถอยู่ได้นานๆ เพราะมีร้านอาหารบริการด้วย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ต้องใช้เวลาเดินทางเป็นวันๆ สำหรับคนกรุงเทพฯ”

ภาพที่ 2 ของเขาเป็นภาพเกาะนางยวน จ.สุราษฎร์ธานี ความงามบนเกาะเล็กๆ แห่งนี้สามารถสะกดให้ผู้คนทุกมุมโลกหลงใหลได้อย่างง่ายดาย “ถ้ามีเวลาผมชอบไปเที่ยวทะเล ดำน้ำ หมู่เกาะนางยวนมีทุกกิจกรรมสำหรับคนรักทะเล ชายหาดสวยงาม ใต้น้ำก็สวยงามมากไม่แพ้ทะเลที่ไหนในเมืองไทยเลยนะครับ”

และภาพที่ 3 เป็นอีกหนึ่งภาพความประทับใจในการได้ขี่จักรยานกับเส้นทางธรรมชาติอีกแห่งในประเทศไทย อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง มีเนื้อที่ครอบคลุมถึง 2 จังหวัด คือ อ.วังทอง นครไทย เนินมะปราง จ.พิษณุโลก และ อ.เขาค้อวังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ เป็นอุทยานที่มีธรรมชาติสวยงามและอุดมสมบูรณ์พันธุ์ไม้สัตว์ป่านานาชนิด

“ผมไม่คิดว่าจะมีทุ่งหญ้าสีทองในเมืองไทย คล้ายๆ กับทุ่งหญ้าสะวันนาในแอฟริกา ภาพนี้ไปถีบจักรยานเมื่อ 2 ปีที่แล้วครับ แต่ก็ยังฝันถึงและคิดว่าถ้ามีเวลาว่างเมื่อไร จะต้องหาโอกาสไปถีบจักรยานที่นี่อีกให้ได้ สำหรับแคมเปญนี้ นอกจากเติมสีสันและความสนุกบนเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ให้กับการท่องออนไลน์แล้ว สำหรับนักท่องเที่ยวผมว่านอกจากเป็นการตะโกนให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้รับรู้ว่ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทยมีมากมายแล้ว ยังเป็นการค้นพบสถานที่เที่ยวใหม่ๆ อีกมากมาย บางแห่งอาจไม่คิดว่าจะมีอยู่ในเมืองไทย อย่างเช่น อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงผมได้มาเที่ยวที่นี่เพราะต้องทำรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวหลายๆ รายการ และตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมานี้การออกไปทำรายการทุกๆ ครั้ง ก็ได้เจอสถานที่น่าตื่นตาตื่นใจในเมืองไทยอีกหลายๆ แห่งเลยนะครับ ไม่มีจบ ไม่มีซ้ำเลยสักแห่ง”

รักเมืองไทยเฟซบุ๊กกระตุ้นท่องเที่ยว นลินี วรวงศ์วสุ

นลินี วรวงศ์วสุ

สาวสังคมชื่อดัง เกด-นลินี วรวงศ์วสุ ทายาทธุรกิจอสังริมทรัพย์ บอสใหญ่ ทเวนตี้โฟร์ ลักซ์ชัวรี่ ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ Lulu Guinness ในประเทศไทย และชาร์ลอต โอลิมเปีย ได้รับคำท้าจาก @pai_c และขอท้าต่อไปที่ @yadiMelon โดยภาพแหล่งท่องเที่ยวที่นลินีแชร์ภายใต้ชื่อ Maryked เริ่มจากภาพที่ 1 Koh Samui เขียนอธิบายภาพว่า เกาะสมุย Koh Samui ทะเลสวยอาหารอร่อย เธอได้เล่าเกี่ยวกับภาพนี้ว่า พอดีมีเพื่อนสนิทมีโรงแรมที่เกาะสมุย 2 แห่งเมื่อไหร่ที่ไปก็จะไปพักอยู่โรงแรมของเพื่อนๆ หากมีเวลาว่างหลายๆ วันเธอชอบไปสมุยกับภูเก็ต เพราะทะเลเมืองไทยสวย แม้สมุยจะเป็นเกาะเล็กๆ แต่ก็มีทุกอย่างครบ ทะเลสวยอาหารอร่อย

ภาพที่ 2 เป็นภาพชะอำ/หัวหิน มาง่ายใกล้ๆ กรุงเทพฯ อากาศดี นลินี เล่าว่า วันที่เพื่อนส่งมาชวน ตอนนั้นเธอพักผ่อนอยู่ที่หัวหินพอดี

“จริงๆ หัวหินมาสะดวกอยู่แล้ว ส่วนตัวหากมีโอกาสก็มาหัวหินอยู่เสมอๆ เพราะไปไม่ยาก พอดีมีคอนโดของที่บ้าน คุณแม่ก็ชอบไปที่นั่น” ส่วนภาพสุดท้าย เป็นภาพเมืองเก่าอยุธยา และเขียนคำอธิบายว่า มีโบราณสถานมากมาย วัดศักดิ์สิทธิ์สวยๆ หลายแห่ง กุ้งเผามันเยิ้ม เธออธิบายว่า เพิ่งไปเมื่อเร็วๆ นี้ ไปค้างคืนที่นั่น ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใกล้กรุงเทพฯ แค่นี้เอง โดยคราวนี้เธอได้ไปนั่งเรือรอบเกาะ ได้ดูโบราณสถานเก่าสวยมากๆ ลงไปถ่ายรูปมีวัดสวยๆ เยอะแยะมากมาย

อย่างไรก็ดี นลินีได้เผยถึงความรู้สึกของการเข้าร่วมแชร์ภาพครั้งนี้คือ ตัวเธอเองถือเป็นส่วนเล็กๆ ที่จะช่วยสื่อให้คนที่ได้ดูภาพได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม ถือเป็นการช่วยกันประชาสัมพันธ์ประเทศไทยอีกทางหนึ่ง

“เกดคิดว่าหากเราช่วยกันคนละเล็กละน้อย คนละไม้ละมือ ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ทำได้ไม่ยากเลย แค่เราหารูปเดิมที่เราเคยไปเที่ยวมาแล้วมาแชร์ซึ่งจะส่งผลช่วยส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวได้บ้าง อย่างน้อยๆ เราก็ได้ตื่นตัวในเรื่องความสามัคคีกัน แม้เราอาจทำอะไรไม่ได้มาก แต่หากเราร่วมมือกัน โดยเพื่อนสนิทได้คำท้ามาตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ก.ย. พอวันรุ่งขึ้นเกดก็ลงมือหาภาพเลยภายใน 24 ชั่วโมง แต่พอได้ทำแล้วก็เห็นข้อดีของการแชร์ภาพสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยๆ ทำให้เราได้เห็นว่าจังหวัดอื่นๆ มีสถานที่ที่น่าไป เราก็อยากไปบ้าง เช่น ได้เห็นเกาะที่ไม่เคยเห็นและไม่เคยไป เช่น เกาะตาชัย น่าไปมากๆ ค่ะ เกดคิดว่าการแชร์ภาพแบบนี้หลายๆ เสียงก็อาจเกิดเป็นพลังกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ค่ะ”

บี๋-ปิยะมาน เตชะไพบูลย์

กรรมการผู้จัดการโรงแรมรีเจ้นท์ ชะอำ บีช รีสอร์ท ระบุว่า ร่วมรับคำท้าแชร์ภาพสถานที่ท่องเที่ยวของไทย เพราะส่วนตัวก็ทำงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอยู่แล้ว เห็นว่าการแชร์ภาพสถานที่ท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ดี ช่วยโปรโมทการท่องเที่ยวได้ทางอ้อม อาจทำให้คนที่ได้เห็นภาพอยากไปท่องเที่ยวตาม

ภาพที่แชร์ 3 ภาพ เลือกภาพแรกเป็นวัดอรุณราชวราราม เพราะเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยที่ใครๆ ก็รู้จัก ภาพที่ 2 เลือกภาพตัวเองไปถ่ายรูปที่ทะเลบัวแดง จ.อุดรธานี เพราะประทับใจมาก 4 ปีก่อนได้เดินทางไปครั้งแรก สมัยนั้นต้องตื่นและออกเดินทางไปตั้งแต่ตี 5 หลังแชร์ภาพนี้ไปคนที่ติดตามอยากไปมาก ขณะที่ภาพสุดท้าย เป็นภาพโรงแรมรีเจ้นท์
ชะอำ บีช รีสอร์ท ช่วงพระอาทิตย์ขึ้น ก็อยากให้คนได้เห็นภาพสวยๆ เหมือนที่ตัวเองเห็น

นับว่าแคมเปญนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการรณรงค์โดยใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขด้วยความร่วมมือร่วมใจของผู้ใช้เฟซบุ๊กทุกระดับ แม้ส่วนใหญ่ผู้ที่ร่วมแคมเปญจะเป็นเซเลบ ดารา และบุคคลทั่วไป

แดน เนียรี่ รองประธานภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก เฟซบุ๊ก กล่าวในงานเปิดตัวสำนักงานในไทยของเฟซบุ๊กเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ประเทศไทยถือเป็นประเทศหนึ่งที่มีการใช้งานเฟซบุ๊กมาก โดยทุกเดือนจะมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก 34 ล้านคน เพิ่มขึ้น 26% โดยคนไทยใช้เวลา 2.5 ชั่วโมง/วัน เพื่อเข้าถึงเฟซบุ๊ก มากกว่าการใช้เครือข่ายโซเชียลมีเดียประเภทอื่น

ดังนั้น เฟชบุ๊กจึงเป็นพลังที่สำคัญของคนในยุคนี้

“คุณไม่สามารถจะชนะได้ถ้าวิ่งหนีโซเชียลมีเดีย”

นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดีย

วัย 65 ปี กล่าวไว้ เขาใช้ทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์

ในการสื่อสารกับผู้ติดตามหลักล้านคน