posttoday

หมดเวลา "ซิโก้" ?

24 มีนาคม 2560

เมื่อแพ้เละเทะด้วยสไตล์การเล่นที่น่าผิดหวัง แฟนบอลจึงตั้งคำถามว่าหมดเวลาของ "ซิโก้" แล้วหรือยัง

เมื่อแพ้เละเทะด้วยสไตล์การเล่นที่น่าผิดหวัง แฟนบอลจึงตั้งคำถามว่าหมดเวลาของ "ซิโก้" แล้วหรือยัง

"เกมแรกซาอุฯมีโชคจากผู้ตัดสิน, เขาไม่แข็งแกร่งเหมือนสมัยก่อน, เราเล่นในบ้านจะแข็งแกร่งขึ้น, ราชมังคลากีฬาสถานคือนรกของทีมเยือน, เราฝึกซ้อมมากว่า 10 วันทุกคนพร้อมเต็มที่, เราจะใช้แทคติกที่ฝึกซ้อมเอาชนะ"  เหล่านี้คือคำให้สัมภาษณ์ของ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย ก่อนแพ้คาบ้านต่อ ซาอุดิอาระเบีย 0-3 ในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา

ความเป็นจริง "ช้างศึก" ลงเล่นอย่างไม่มีลุ้น ตลอด 90 นาทีแทบจะไม่ได้สร้างพิษสงใดๆให้กับผู้มาเยือน มีเพียงจังหวะวูบวาบเล็กน้อยช่วงครึ่งหลังยามที่คู่แข่งได้ประตูนำแล้วลงไปตั้งรับ ก่อนสุดท้ายจะโดนเพิ่มยิงอีก จึงเกิดเป็นเครื่องหมายคำถามในหมู่แฟนบอลว่าหมดเวลาแล้วหรือยังสำหรับเทรนเนอร์วัย 43 ปีรายนี้

เกมกับ ซาอุฯ เรียกได้ว่าเป็นแมตช์ที่มีโอกาสสูงที่สุดสำหรับทัพ "ช้างศึก" ในการเก็บ 3 แต้มแรก หลังแสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถต่อกรได้อย่างสูสีบุกไปแพ้มาอย่างเฉียดฉิวในนัดแรก 0-1 จากจุดโทษกังขา ยังไม่รวมปัจจัยอื่นๆ เช่น การเล่นในบ้าน, แข่งขันในช่วงต้นฤดูกาลนักเตะจึงยังไม่ล้าจากเกมลีกมากนัก, มีเวลารวมตัวฝึกซ้อมกว่า 10 วัน, ได้ทดลองนักเตะหน้าใหม่ที่จะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงหรือแก้ปัญหาจุดบอดเดิม ดังนั้นการแพ้หมดท่าขนาดนี้จึงทำให้กองเชียร์ผิดหวังในตัว "ซิโก้" ไม่น้อย

แทคติกที่ออกมาเหมือนกับเกมที่สร้างเซอร์ไพรส์ยันเสมอ ออสเตรเลีย แทบทุกประการ จนถึงขนาดที่ เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์  กุนซือดัตช์ของซาอุฯ ยังเดาออกว่า “เราทำการบ้านมาดี เรารู้ว่าทีมไทยต้องเล่น 5-3-2 แน่นอน"

เกียรติศักดิ์ พูดเสมอมาว่านักเตะแต่ละคนสไตล์การเล่นต่างกัน ไม่สามารถแทนกันได้ ทว่า จักรพันธ์ แก้วพรม ที่ถูกเรียกเข้ามากลับได้รับบทบาทเดียวกับ สารัช อยู่เย็น ที่บาดเจ็บ คือ ยืนเชื่อมเกมอยู่หน้าแผงหลัง แทบจะไม่ได้มีโอกาสเข้าถึงกรอบเขตโทษคู่แข่ง ทั้งที่ "เจ้าโน๊ต" คือจอมทัพที่โดดเด่นและทำผลงานได้ดีในตำแหน่งตัวรุกกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จนสุดท้ายทำให้เจ้าตัวหายไปจากเกม และไม่ได้สร้างความแตกต่างใดๆให้กับทีม หรือเรียกง่ายๆว่า "เสียของ"

10 วันที่เข้าแคมป์เก็บตัวเข้มที่กิเลนวัลเลย์ โดยยอมสละไม่ซ้อมที่สนามราชมังคลากีฬาสถานอันเป็นสังเวียนแข่งขันจริงนั้นแทบจะสูญเปล่า ไม่มีแทคติกใหม่ใดๆให้เห็น

ที่ผ่านมา "ซิโก้" ถูกเพ่งเล็งเรื่องการเรียกตัวนักเตะและส่งแต่ผู้เล่นหน้าเดิมๆลงสนามทั้งที่มีผู้เล่นใหม่หลายคนที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นกว่าในห้วงเวลานั้น ยังไม่รวมการดื้อดึงถอย "ตั้ม" ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กองกลางตัวรับที่ดีและมีค่าตัวแพงที่สุดของประเทศไปเล่นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ซึ่งสุดท้ายทีมไทยก็ยังเสียไปถึง 15 ประตู และไม่มีเกมไหนที่คลีนชีทเลย แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่แฟนบอลต้องเคารพการตัดสินใจของโค้ช ดังนั้นในทางกลับกันเมื่อผลลัพธ์ออกมาในด้านลบมากเกินไป "โค้ช" จึงเป็นคนแรกที่จะต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ

หลังจบเกมกับ ญี่ปุ่น วันที่ 28 มี.ค.นี้ ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกจะกลับมาฟาดแข้งอีกครั้งวันที่ 8 มิ.ย. โดย ไทย จะเยือน อิรัก ซึ่งมีระยะเวลาเกือบ 3 เดือน ให้สมาคมฟุตบอลกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ตัดสินใจว่าจะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ เพราะตัว "ซิโก้" เองได้ประกาศหลังได้รับการต่อสัญญาฉบับใหม่ว่า 5 นัดที่เหลือผลงานต้องดีกว่าเดิม และที่สำคัญตอนนี้ยังมีทีมงานของ "เอคโคโน" ที่มาจ่อคอหอยพร้อมสแตนด์บายทุกเมื่ออยู่แล้ว

ภาพ Bangkok Post