posttoday

พิชัยห่วงปัจจัยการเมืองเป็นอุปสรรคญี่ปุ่นลงทุนไทย

14 กันยายน 2560

"พิชัย" ชี้ ดีใจที่นักลงทุนญี่ปุ่นมากันมาก แต่ห่วงปัจจัยการเมืองเป็นอุปสรรคการลงทุน แนะควรกำหนดวันเลือกตั้งที่แน่นอน

"พิชัย" ชี้ ดีใจที่นักลงทุนญี่ปุ่นมากันมาก แต่ห่วงปัจจัยการเมืองเป็นอุปสรรคการลงทุน แนะควรกำหนดวันเลือกตั้งที่แน่นอน

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้เชิญนักลงทุนญี่ปุ่นประมาณ 570 ราย นำโดยกระทรวงเมติของประเทศญี่ปุ่น เข้ามาประชุมโดยหวังว่าจะมีการลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นให้กับประเทศไทย นับเป็นเรื่องดีและเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับประเทศ แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีการลงทุนจากนักลงทุนญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นตามที่รัฐบาลคาดหวังหรือไม่

นายพิชัยกล่าวว่า ก่อนหน้านี้สถานทูตญี่ปุ่นได้เชิญตนไปทานข้าวเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศไทย โดยมี นายยูจิ มิซูคามิ เลขาฑูตทางด้านการเมือง และ นายทาเฮ อาเบะ เลขาฑูตทางเศรษฐกิจ อีกทั้งการที่ตนมีโอกาสได้พูดคุยกับนักลงทุนชาวญี่ปุ่นหลายบริษัท ต่างได้รับการยืนยันว่านักลงทุนญี่ปุ่นยังอยากลงทุนในประเทศไทย แต่ที่ยังไม่ลงทุนเพราะประเทศไทยมีปัจจัยหลายด้านที่ยังสู้ประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาวะการเมืองที่ยังไม่แน่นอน และการปกครองปัจจุบันที่ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาคมโลกทำให้การเจรจาการค้า และการเจรจาเขตการค้าเสรีทำไม่ได้ เป็นอุปสรรคในการตัดสินใจลงทุน ทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นหันไปลงทุนในประเทศอื่นในอาเซียนโดยเฉพาะประเทศเวียดนามที่ได้ประโยชน์อย่างมากจากภาวะการเมืองของไทยในปัจจุบัน เพราะนักลงทุนไม่กล้าเสี่ยงกับอัตราภาษีและการกีดกันการค้าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ทำให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้นและจะแข่งขันยาก

ทั้งนี้ เชื่อว่านักลงทุนญี่ปุ่นที่มีการลงทุนมากกว่าครึ่งของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมดในประเทศไทย จะกลับมาลงทุนอีกครั้ง หลังจากมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งแล้ว และสามารถที่จะเจรจาเขตการค้าเสรีได้ อย่างไรก็ดี นักลงทุนญี่ปุ่นเห็นว่าประเทศเพื่อนบ้านของไทยยังมีศักยภาพที่จะขยายตัวและพัฒนาได้อีกมากจึงเป็นที่น่าสนใจในการลงทุน ในขณะที่ประเทศในปัจจุบันแม้จะพัฒนามากกว่าแต่มีข้อจำกัดมาก ดังนั้นไทยจึงต้องเร่งแก้ไขข้อจำกัดและแสดงให้เห็นศักยภาพในการพัฒนาเป็นศูนย์กลางของอาเซียนได้อย่างแท้จริงโดยต้องเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ

นอกจากนี้นักลงทุนญี่ปุ่นยังกังวลถึงยุทธศาสตร์ 20 ปี ซึ่งหากมีโลกการเปลี่ยนแปลงจะทำให้มีปัญหาได้ และยังไม่มั่นใจว่ากรรมการยุทธศาสตร์จะมีความรู้ความสามารถเพียงพอไหมที่จะรับมือการเปลี่ยนแปลงของโลกเพราะเห็นมีแต่ทหารและนักธุรกิจใหญ่ที่สนับสนุนรัฐบาลเท่านั้น ห่วงว่าจะเป็นข้อจำกัดมากกว่า

นายพิชัย ยังตั้งคำถามอีกว่า หากจำกันได้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ได้ไปเยือนประเทศญี่ปุ่นหลายครั้ง ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และไปเยือน ประเทศในยุโรป อเมริกา และ จีน ด้วย เพื่อชักชวนนักลงทุนให้มาลงทุน แต่ไม่ปรากฏว่าจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด การลงทุนจากต่างประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ ขนาดพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังยอมรับเอง โดยอยากให้มีการแถลงตัวเลขการลงทุนจริงหลังเสร็จงาน

ดังนั้นการที่จะดึงดูดนักลงทุนให้มาลงทุนได้นอกจากประเทศไทยจะต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในด้านต่างๆแล้ว การสร้างบรรยากาศให้เป็นประเทศเป็นประเทศที่น่าอยู่ เป็นประเทศที่มีเสรีภาพ มีหลักธรรมาภิบาลที่ดี ไม่มีข่าวสารในด้านลบในเรื่องต่างๆออกไปทั่วโลก เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน