posttoday

นายกฯบินฟิลิปปินส์ประชุมสุดยอดอาเซียน

28 เมษายน 2560

นายกรัฐมนตรี นำคณะ บินเยือนฟิลิปปินส์ประชุม สุดยอดอาเซียน 28-30 เมย. ชูจุดยืนในการเสริมสร้างประชาคมอาเซียน

นายกรัฐมนตรี นำคณะ บินเยือนฟิลิปปินส์ประชุม สุดยอดอาเซียน 28-30 เมย. ชูจุดยืนในการเสริมสร้างประชาคมอาเซียน

เมื่อเวลา 10.18 น. วันที่ 28 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมนางนราพร จันทร์โอชา ภริยาเดินทางออกจากท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) ไปยังกรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 30 และการประชุมสุดยอดอื่น ๆ ระหว่างวันที่ 28-30 เม.ย.นี้ โดยนายกฯปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์

พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า   หัวข้อของการประชุมครั้งนี้คือ Partnering for Change, Engaging the World  เป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงของโลก  ซึ่งช่วงปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เข้ามาสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ให้ความสำคัญกับการสร้างประชาคมอาเซียน ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง  การส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเล และการส่งเสริมให้อาเซียนเป็นต้นแบบการรวมตัวในระดับภูมิภาค และมีบทบาทสำคัญในระดับโลก 

“การประชุมครั้งนี้จะหารือร่วมกันว่า ที่ผ่านมามีความสำเร็จในเรื่องใดบ้าง เรื่องการไม่ทอดทิ้งใครไว้เบื้องหลัง รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำ การพัฒนาอย่างยั่งยืน และทิศทางการผลักดันประเด็นต่าง  ๆ เหล่านี้ จะมีแนวทางการดำเนินงานอย่างไร” พล.ท.วีรชน กล่าว

 พล.ท.วีรชน กล่าวว่า การประชุมเต็มคณะ จะพูดถึงผลการดำเนินงานของประเทศสมาชิกอาเซียน ตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ.2025   เพื่อเสริมสร้างประชาคมอาเซียน ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง  การกำหนดนโยบายและทิศทางในอนาคตว่า มีปัญหาอุปสรรคข้อขัดข้องอย่างไร ในการก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน ไม่ใช่ประเทศใดประเทศหนึ่งได้รับผลประโยชน์ฝ่ายเดียว  ต้องไปดูว่ามีปัญหาอะไรบ้างภายในอาเซียน และจะปรับปรุงกันอย่างไร  ทั้งเรื่องการพัฒนาคน สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ จะมีการหารือเรื่องของภูมิภาคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เศรษฐกิจการค้า การลงทุน รวมถึงปัญหาความมั่นคง 

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า  สำหรับการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ จะมีการหารือเรื่องการกำหนดนโยบายและทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจนอกภูมิภาค โดยเฉพาะความร่วมมือในการเร่งเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่ทั่วโลกกำลังจับตาดู หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ถอนตัวจากความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก   (TPP) ว่าอาเซียนจะมีบทบาทอย่างไร ในการขับเคลื่อนการค้า การลงทุนภายใต้ RCEP

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า สำหรับปัญหาทะเลจีนใต้  มีหลายประเทศในอาเซียนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้น  นายกรัฐมนตรีเห็นว่า บทบาทของอาเซียนต่อเรื่องดังกล่าว คือ การแก้ปัญหาต้องเป็นไปอย่างสันติวิธี และอยู่ในกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ ดูแลเรื่องสิทธิเสรีภาพในพื้นที่ ไม่ว่าจะเรื่องการเดินเรือ หรือการบิน เพื่อให้ทุกประเทศที่อยู่ในความขัดแย้ง มีทางออกอย่างเหมาะสม  

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ในการประชุมระดับผู้นำแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจ 3 ฝ่าย อินโดนีเซีย – มาเลเซีย – ไทย (Indonesia – Malaysia – Thailand Growth Triangle: IMT – GT)  เป็นการประชุมเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ครอบคลุมจังหวัดชายแดนภาคใต้ และภาคใต้ของไทย  ทั้ง 3 ประเทศจะหารือกันว่า ทำอย่างไรจึงจะเพิ่มศักยภาพพื้นที่ของทั้ง 3 ประเทศ เพื่อให้สามารถตอบสนองเรื่องความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนได้

“ในการหารือจะมีการกำหนดวิสัยทัศน์ 2036 ว่า แนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน จะเป็นอย่างไร  จะนำวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นวัตกรรม เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน อย่างไร นอกจากนี้ยังจะกำหนดแผนพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน ในระยะ 5 ปี และจะมีเอกสารลงนามครั้งนี้ด้วย” พล.ท.วีรชน กล่าว