วิปสปช.เผยลงมติร่างรธน.เปิดเผยไม่มีอภิปราย
วิป สปช.วางกรอบลงมติรับไม่รับร่างรธน. ย้ำลงมติเปิดเผยไม่มีอภิปราย แจงสปช.ไม่มีอำนาจส่งศาลรธน.ตีความคำปรารภ
วิป สปช.วางกรอบลงมติรับไม่รับร่างรธน. ย้ำลงมติเปิดเผยไม่มีอภิปราย แจงสปช.ไม่มีอำนาจส่งศาลรธน.ตีความคำปรารภ
นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิปสปช.) แถลงผลการประชุมวิปว่า ที่ประชุมได้พิจารณากรณีการลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญของสมาชิกสปช.ในวันที่6 ก.ย. โดยกำหนดขั้นตอนดำเนินการ โดยอาศัยข้อบังคับ 68 ของการประชุมสปช. ตั้งคณะกรรมการตรวจการลงคะแนนและการนับคะแนน และเรียกชื่อสมาชิกเรียงตามลำดับให้ทำการลงคะแนนโดยเปิดเผยโดยไม่มีการอภิปรายใดๆทั้งสิ้น ซึ่งเมื่อมีการลงมติแล้วจะมีการขานคะแนนทันทีที่นับคะแนนเสร็จ
นอกจากนี้ หากสปช.เห็นชอบร่างรธน.จะต้องแจ้งไปยังครม. จากนั้น ครม.แจ้งไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ วันเวลา การออกเสียงประชามติโดยหลักเกณฑ์ดังกล่าว ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และทำการลงประชามติตามพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2552
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า กรณีที่หากที่ประชุม สปช.มีมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ถือว่าสปช.เสร็จสิ้นภาระกิจในเวลา 24.00 น. ในวันที่ลงมติ แต่หากสปช.เห็นชอบด้วยเสียงข้างมากก็จะต้องพิจารณาเรื่องคำถามประชามติ โดยมี2ขั้นตอน คือรัฐบาลถามต่อทีประชุมว่าเห็นควรที่สปช.จะมีคำถามในการทำประชามติหรือไม่โดยให้สมาชิกได้แสดงความเห็น หากสมาชิกเห็นว่าไม่ควรก็ไม่ต้องดำเนินการใดๆต่อ
อย่างไรก็ตาม หากที่ประชุมเห็นควรว่าต้องตั้งคำถามก็ต้องพิจารณา 2 ญัตติที่ค้างในวาระ คือ ญัตติ เรื่อง ขอเสนอประเด็นให้มีการปฏิรูปประเทศอีก 2 ปี ก่อนจัดการเลือกตั้ง ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน และนายวรวิชญ์ ศรีอนันต์รักษา และญัตติเรื่อง การมีกลไกป้องกันและขจัดความขัดแย้งที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง ของนายประสาร มฤคพิทักษ์ และนายอเนก เหล่าธรรมทัศน์ แต่สมาชิกสามารถเสนอญัตติเพิ่มเติมได้นับจากวันนี้จนกว่าจะมีการปิดการเสนอญัตติได้
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ที่ประชุมวิปยังได้หารือประเด็นที่มีการยื่นเรื่องให้นายเทียนฉาย ส่งร่างรัฐธรรมนูญไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาประเด็น เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำปรารภนั้น ทางสำนักเลขาธิการสปช. ได้เสนอความเห็นว่า ผู้มีอำนาจในการตีความว่าร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จหรือไม่คือ กมธ.ยกร่างฯ อีกทั้งรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 5 วรรคสองไม่ได้บัญญัติให้สปช.เป็นผู้ส่งเรื่อง ต่างจากครม. คสช. ศาลฏีกา หรือศาลปกครองสูงสุดที่อาจขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ ดังนั้น สปช.ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด ไม่อยู่ในฐานะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ พร้อมกับส่งเรื่องให้เจ้าของเรื่องทราบตั้งแต่ 31 ส.ค. แล้ว แต่หากเจ้าของเรื่องยังมีประเด็นข้อสงสัยสามารถส่งไปยังครม.เพื่อส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยตรง
ส่วนที่มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูป มีมติสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญนั้น นายอลงกรณ์กล่าวว่าก็เป็นสิทธิขององค์กรต่างๆจะออกมาแสดงความเห็นจุดยืนของตนเอง ทางสปช.ก็จะหยิบยกมาประกอบการตัดสินใจว่าจะรับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ เช่นเดียวกับข้อเสนอของพรรคการเมือง และฝ่ายต่างๆ ท่ี่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน โดยที่ประชุมไม่ได้มีการหารือว่าจะลงมติไปในทิศทางใด เพราะเป็นเอกสิทธิของสมาชิกและคนที่จะพิจารณาได้อย่างอิสระ รวมถึงไม่มีการหารือเรื่อง สปช. 21 คนที่ร่วมเป็นกมธ.ยกร่างฯ มีสิทธิ์ในการลงมติหรือไม่ เพราะถือเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน