posttoday

ความเศร้าเฒ่า6แผ่นดิน

20 ตุลาคม 2559

มรสุมแห่งความเศร้าก่อตัวขึ้นอีกครั้งในหัวใจของ เปล่า-พิมพ์พา บุญเต็ม แม่เฒ่าวัย 107 ปี ภายหลังทราบข่าวการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

โดย...ทีมข่าวภูมิภาคโพสต์ทูเดย์

มรสุมแห่งความเศร้าก่อตัวขึ้นอีกครั้งในหัวใจของ เปล่า-พิมพ์พา บุญเต็ม แม่เฒ่าวัย 107 ปี ภายหลังทราบข่าวการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9

แม้ชีวิตจะล่วงเลยมาถึง 6 แผ่นดิน และเผชิญหน้ากับความสูญเสียมาแล้ว 4 ครั้ง นับตั้งแต่ช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 5 หากแต่การเสด็จสู่สวรรคาลัยของธรรมราชารัชกาล ที่ 9 ก็สั่นสะเทือนความรู้สึกด้านในของ “แม่เฒ่าเปล่า” ชนิดที่ไม่อาจทำใจยอมรับได้

เป็นความจริงที่ว่าแม่เฒ่าเปล่าอายุมากจนเกิดข้อจำกัดทางการได้ยิน แต่นั่นก็ไม่ได้ปิดกั้นการรับรู้ของหญิงชรารายนี้

“ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของพวกเราไม่อยู่แล้ว ...นี่คือสิ่งที่เจ็บปวดที่สุด” แม่เฒ่า 6 แผ่นดิน เปลือยความรู้สึกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

เป็นความจริงอีกเช่นกันว่าไม่มีความสูญเสียใดในโลกนี้ที่สูญเปล่า การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทำให้แม่เฒ่าและลูกหลานชาว จ.สุรินทร์ ตั้งมั่นในการทำความดี ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท

“ยายจะทำความดี อยู่อย่างพอเพียง ไม่เป็นภาระใคร” คือความสัตย์ของหญิงชราวัย 107 ปี

แม่เฒ่าเปล่าเกิดเมื่อวันที่ 12 ส.ค. 2452 ทุกวันนี้อาศัยอยู่กับ น้องสาววัย 89 ปี และหลานชาย ที่ ต.กระออม อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ สุขภาพร่างกายยังแข็งแรง ความจำดีเป็นเลิศ ยังชีพด้วยเบี้ยคนชราเดือนละ 1,000 บาท และเบี้ยคนพิการเดือนละ 800 บาท

ความเศร้าโศกที่ส่งผ่านภาษากายมากกว่าคำพูดของแม่เฒ่าเปล่า ไม่แตกต่างไปจากความรู้สึกเบื้องลึกของ มูล คุมนิล ตาทวดวัย 102 ปี ชาว จ.สุรินทร์ ซึ่งผ่านชีวิตมา 5 แผ่นดิน

“รู้สึกตกใจ ใจหาย สงสารพระองค์ท่าน ขอแสดงความอาลัย และขอให้ท่านไปสู่สรวงสวรรค์ชั้นนิพพาน” ตาทวดมูลค่อยๆ ถ่ายทอดความรู้สึก และยอมรับว่าไม่อาจกั้นน้ำตาเมื่อทราบข่าวการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ย้อนกลับไปในปี 2498 หรือเมื่อ 61 ปีก่อน ตาทวดมูลเคยมีโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และนั่นคือความภาคภูมิใจที่สุดของชีวิตนักการภารโรงคนหนึ่ง

พ่อเฒ่าวัย 102 ปี เล่าว่า เมื่อประมาณ 60 ปีก่อน พระองค์ท่านได้เสด็จฯ มาเยี่ยมราษฎรใน จ.สุรินทร์ เป็นครั้งแรก โดยท่านเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรสระน้ำในพื้นที่โรงเรียนเกษตรกรรมสุรินทร์ ซึ่งตัวเองเป็นภารโรงอยู่ จึงมีโอกาสเข้าเฝ้าฯ

“เห็นพระองค์ท่านยกพระหัตถ์ให้กับราษฎร พระองค์ท่านยิ้มแย้มแจ่มใส ท่าโอบอ้อมอารีกับราษฎรมาก พสกนิกรที่มารับเสด็จก็ปลาบปลื้มรู้สึกปีติ ซึ่งขณะนั้นตานั่งอยู่ริมทางลาดพระบาท ก็มีโอกาสได้กราบท่านขณะที่ท่านทอดพระเนตรสระน้ำ” ตาทวดมูลระลึกความทรงจำ

ตาทวดมูลเกิดเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2457 อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 44ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ สุขภาพแข็งแรง มีบุตรธิดา 8 คน

ความเศร้าเฒ่า6แผ่นดิน แม่เฒ่าป้อ

เช่นเดียวกับ ป้อ เสนานุช ยายเฒ่าชาวแพร่อายุ 106 ปี ที่รู้สึกเสียใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ และทำได้เพียงสวดมนต์ทุกคืนเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแก่พระองค์ท่าน

“ที่ผ่านมาก็ใช้ชีวิตตามแนวพระราชดำริของพระองค์ท่าน ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงมาโดยตลอด” ยายเฒ่าชาวแพร่รายนี้บอกเล่า

สำหรับยายป้อเกิดเมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2453 ช่วงปลายรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันยังมีสุขภาพแข็งแรง

ขณะที่ครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนอย่าง “เล็กอุทัย” จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเคยถวายงานรับใช้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และพระบรมวงศานุวงศ์ ต่างแสดงความไว้อาลัยและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น

ประเสริฐ เล็กอุทัย อายุ 87 ปี อาศัยอยู่ ต.บ้านแก่ง อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ เคยถวายงานเมื่อปี 2520 ขณะที่พระองค์เสด็จฯ มาเยี่ยมเยียนราษฎรบริเวณเขื่อนสิริกิติ์ ต.ผาเลือด อ.ท่าปลา ส่วน อารีย์ เล็กอุทัย อายุ 81 ปี เคยแสดงเซิ้งกระติ๊บต่อหน้าพระที่นั่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อครั้งเสด็จฯ เยี่ยมประชาชนในพื้นที่โรงเรียนตรอนตรีสินธุ์ อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์

ทั้งนี้ ประเสริฐและอารีย์เกิดในประเทศจีน ก่อนจะอพยพมาอาศัยใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในช่วงแรกๆ ที่พระองค์ทรงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9

สุรเดช เล็กอุทัย รองนายกเทศมนตรี ต.บ้านแก่ง อ.ตรอน บุตรชายของประเสริฐและอารีย์ เล่าว่า บิดาและมารดามักจะอบรมสั่งสอนลูกมาอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่เล็กๆ ว่าให้เคารพและเทิดทูนพระมหากษัตริย์ เพราะถือว่าเป็นโชคดีของครอบครัวที่ได้เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองไทย ซึ่งมีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงห่วงใยพสกนิกรของพระองค์ทุกคน