พิมพิศา-พิชามญช์ ชมะนันทน์ แฝดสาว ทั้งสวยทั้งฮา
แรกเห็นสองสาวฝาแฝด พริม พิมพิศา และ แพรว-พิชามญช์ ชมะนันทน์ ลูกสาวสุดหวงของคุณพ่อพงศ์พิพัฒน์ และคุณแม่กรองกาญจน์ ชมะนันทน์
โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ : กิจจา อภิชนรจเรข
แรกเห็นสองสาวฝาแฝด พริม พิมพิศา และ แพรว-พิชามญช์ ชมะนันทน์ ลูกสาวสุดหวงของคุณพ่อพงศ์พิพัฒน์ และคุณแม่กรองกาญจน์ ชมะนันทน์ หลานสาวของอดีตนายกรัฐมนตรี เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ แทบจะแยะไม่ออกไม่เลยด้วยซ้ำว่าใครเป็นใคร แต่หลังจากทั้งคู่เฉลยจุดต่างพอให้ไว้เป็นจุดสังเกต ถึงได้เริ่มแยกแยะได้ว่าใครเป็นใคร เพราะพริมจะมีไฝที่แก้มขวา เสียงสูงกว่า พูดเยอะกว่าแพรว
ตลอดเวลาร่วมชั่วโมงที่ได้ฟังวีรกรรมสุดซ่าของสองสาวที่ครบรสทั้งฮา ทั้งซึ้ง ทั้งดราม่านิดๆ นอกจากจะเพลินจนลืมเวลาแล้ว ยังค่อยๆ ปรับเรดาห์แฝดสาวได้เสียทีว่า คนไหนพริม คนไหนแพรว
“แพรว คือ ออกซิเจนถ้าขาดไปก็อยู่ไม่ได้”
เริ่มต้นทำความรู้จักแฝดสาวสวย ด้วยคำถามที่เชื่อว่าสองสาวตอบมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งที่ได้ย้อนวันวานทุกที ก็อดจะบอกเล่าอย่างอารมณ์ดีไม่ได้
“เราเกิดห่างกันสองนาทีเป็นแฝดคนละฝานะคะ ถ้าถามว่าใครเป็นพี่เป็นน้อง เรื่องยาวเลยค่ะ เพราะหมอจะอุ้มแพรวออกมาก่อน แต่แพรวตกใจกลัวเลยมุดกลับเข้าไป สุดท้ายพริมเลยออกมาก่อน จนทุกวันนี้ก็ยังเถียงกันไม่จบ แต่เราตกลงกันแล้วว่า ไม่มีใครเป็นพี่เป็นน้องดีกว่า”
ด้วยความที่เป็นแฝดตั้งแต่เล็กจนโต ทำให้เธอและแพรวแทบไม่เคยห่างกันเลย ตัวติดกันตลอด เรียนด้วยกันตั้งแต่อนุบาล-ม.ปลาย เป็นสายกิจกรรมเหมือนกัน คบเพื่อนกลุ่มเดียวกัน จนไปเรียนที่อังกฤษ ถึงจะเลือกเรียนกันคนละด้าน พริมเรียนด้านการเงิน/บริหาร ส่วนแพรวไปสายดีไซน์ แต่ทั้งคู่ก็ไม่รู้สึกห่าง เพราะทุกเย็นก็ยังได้เจอกันที่บ้าน จะมีช่วงรอยต่อที่ห่างกันนานที่สุดคือ ช่วงเรียนจบแล้วแพรวกลับมาเทืองไทยก่อน ประมาณเกือบเดือน
“ถึงจะอยู่ด้วยกันบ่อย แต่เราไม่เคยทะเลาะกันเลยนะ จะมีงอนๆ กันบ้าง แต่ก็ได้ไม่นาน แป็บเดียวก็ต้องคุยกันแล้ว (หัวเราะ) ข้อดีของการมีคู่แฝดคือ เวลาจะไปไหนก็ไม่ต้องโทรหาเพื่อนคนไหน แค่เดินไปเคาะห้องข้างๆ ชวนเขาไปก็จบแล้ว พริมว่าเราโชคดีมากนะ ที่เกิดมาเป็นแฝดเพราะต่อให้เป็นพี่น้องคนอื่น สนิทกันแค่ไหนก็ยังมีเรื่องช่องว่างของวัย แต่ด้วยความที่เราเป็นแฝดความต่างตรงนี้ไม่มีเลย”
ถึงจะรักและสนิทกันเหลือเกิน แต่พริมยอมรับว่า
“เราไม่ใช่คู่แฝดที่สวีทหวาน มีโมเมนต์มุ้งมิ้งกัน เราไม่ค่อยแสดงออกด้วยคำพูดว่าคิดถึงหรือเป็นห่วง แต่จะทำเลย เราคอยส่งเสริมสนับสนุนกันและกันเสมอเวลาที่อีกฝ่ายมีปัญหา เขาเป็นเพื่อนคนเดียวที่พริมไว้ใจ และรู้ว่าเขาจะไม่มีทางหักหลังเราเด็ดขาด เวลาไปไหนเราก็จะคิดถึงกันเสมอ โดยเฉพาะเรื่องกิน คิดว่าถ้าเราอยากกิน เขาก็น่าจะอยากกิน (หัวเราะ)”
พิมพิศา
เล่ามาถึงตรงนี้ แพรวถือโอกาสเล่าเสริมอย่างอารมณ์ดีว่า
“ช่วงที่แพรวน้ำหนักลงหลายกิโลกรัมก็คือ ช่วงที่ห่างกันเกือบเดือนนั่นแหละ กลายเป็นที่มาของฉายาใหม่ว่า แฝดคนละไซส์”
ถามว่า ในบรรดาสองสาวใครแสบกว่ากัน งานนี้ พริมยอมรับว่าเป็นหัวโจก ส่วนแพรวจะเป็นฝ่ายสนับสนุน
“ด้วยความที่มีคนจำผิดบ่อยมาก เราก็เลยแกล้งเพื่อนบ่อยๆ โดยเฉพาะคนที่เพิ่งรู้จักก็จะบอกว่าคนนี้พริมคนนี้แพรวสลับกันตั้งแต่แรก พอเขามาเจออีกทีก็เลยยิ่งงง ว่าใครเป็นใครกันแน่”
อย่างไรก็ตาม เมื่อโยนคำถามทิ้งท้ายสำหรับแฝดเฮี้ยวว่า ถ้าให้เปรียบเทียบแพรวเป็นอะไรสักอย่างในชีวิต งานนี้ ทำเอาพริมคิดหนักในตอนแรก ก่อนที่จะเผยคำตอบที่แสนกินใจว่า
“สำหรับพริม แพรวเปรียบเหมือนออกซิเจนนะ ถ้าไม่มีเขาเราก็คงอยู่ไม่ได้”
“พริม เหมือนรองเท้าข้างหนึ่งถ้าไม่อยู่คู่กันก็ไปไหนไม่ได้”
ปล่อยให้พริมฉายภาพความรักและความผูกพันที่มีต่อกันมาพักใหญ่ แพรวถือโอกาสเล่าบ้าง โดยเธอบอกเล่าถึงภารกิจครั้งใหม่ที่ทั้งสองสาวผนึกกำลังกันเพื่อทำให้สำเร็จ นั่นคือ การปลุกปั้นแบรนด์รองเท้า Artem ซึ่งมีที่มาจากความรักในรองเท้าของทั้งสองสาว
เราสองคนชอบรองเท้ามาก เลยมีแพชชั่นที่จะทำธุรกิจนี้ บวกกันตั้งแต่เรียนอยู่ที่อังกฤษ เรามีประสบการณ์ตรงรู้ดีรสชาติความเจ็บปวดของผู้หญิงดีว่า เวลาใส่ส้นสูงเดินไปไหนมาไหนในลอนดอนนั้นไม่ง่ายเลย เพราะฟุตปาทที่นั่นเดินยากมาก
“บางทีเรียนเสร็จต้องไปงานต่อจะใส่ส้นสูงเลยทั้งวันก็ไม่ไหว ก็เลยเกิดไอเดียว่าน่าจะมีแบรนด์รองเท้าที่สามารถปรับความสูงของส้นได้ แถมยังสามารถสนุกกับการปรับแต่งแอกเซสซอรี่เก๋ๆ ที่ช่วยเติมสีสันให้รองเท้าได้ ถือเป็นการช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนไปในตัว เพราะด้วยลูกเล่นนี้ สาวๆ ไม่จำเป็นต้องซื้อรองเท้าหลายคู่แต่ก็เหมือนมีรองเท้าคู่ใหม่ตลอดได้ แค่เปลี่ยนแอกเซสซอรี่ เราเลยเอาไอเดียนี้มาต่อยอดเป็นธุรกิจ”
ถามว่ามาทำธุรกิจด้วยกันกลัวมั้ย ว่าจะทำให้หมางใจ
พิชามญช์
“ไม่กลัวเลยค่ะ เพราะเราไม่ใช่แค่พี่น้อง เราเป็นคู่แฝด ที่รู้จักกันทุกมุมจริงๆ ที่สำคัญต่อให้เถียงกันทะเลาะกันบ้าง ไม่นานก็ต้องดีกันแล้ว เพราะอยู่ห้องข้างๆ กัน ตัวติดกันตลอด ต้องไปไหนไปด้วยกัน
“สำหรับแพรว พริมเหมือนรองเท้าอีกข้าง ที่ต้องอยู่คู่กันตลอด ถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีทางที่จะเราจะเดินไปไหนได้ หรือมีเราไปก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี”
ทุกวันนี้ เธอบอกว่า รู้สึกโชคดีมากๆ ที่ได้เกิดมามีพี่น้องฝาแฝด ได้มีคนที่รู้ว่าจะสามารถไว้วางใจเขาได้ ไม่มีวันหักหลังเราอยู่ข้างกาย
“เราโชคดีมากๆ ที่มีเพื่อนที่ไม่มีวันทิ้งกัน มีพี่น้องที่ไม่มีวันทะเลาะกันข้ามคืน จากนี้ไปถ้าจะแย่หน่อยก็ตอนที่ถ้าเราทั้งคู่คิดจะแต่งงาน ทุกวันนี้แค่มีแฟนหรือเพื่อนชายไม่พร้อมกัน อีกคนก็เหงาแล้ว ถ้าแต่งงานจริงๆ เรายังคุยกันเล่นๆ ว่า ถ้าได้ลูกแฝดอีกคงดี จะได้เอาลูกมาเจอกัน หรือถ้าฟุ้งกว่านั้นถ้าได้สามีเป็นคู่แฝดคงดี” สองสาวมองหน้ากันแล้วพร้อมระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสุดกลั้น