posttoday

ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมีจิตอาสา

20 พฤษภาคม 2560

แรกเริ่มไม่เคยคิดเลยว่าจะเข้ามาเป็นจิตอาสาพัฒนาชนบท เราเป็นเพียงแค่นักศึกษาคนนึงที่ชอบทำกิจกรรม

โดย...โยโมทาโร่

 "แรกเริ่มไม่เคยคิดเลยว่าจะเข้ามาเป็นจิตอาสาพัฒนาชนบท เราเป็นเพียงแค่นักศึกษาคนนึงที่ชอบทำกิจกรรม แต่พอได้เข้ามาสัมผัสกับการเป็นจิตอาสา จากความเหนื่อยกลายเป็นความภูมิใจ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตเราได้ไปอยู่ตรงจุดนั้น จุดที่ทำความดีเพื่อสังคม" 

 จินตนา จันทร ที่ปรึกษาชมรมอาสาพัฒนาพระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง บอกเล่าความในใจออกมา ซึ่งเร็วๆ นี้เธอและสมาชิกในกลุ่มกำลังจะจัดค่ายพระจอมเกล้าสู่ชนบทครั้งที่ 60 ตอน "เฮ็ดเวียกเฮ็ดงาน ณ บ้านคึมยาว" ไปสร้างห้องสมุด ระบบประปา อ่างล้างมือ และบ่อเลี้ยงปลา ที่โรงเรียนบ้านคึมยาว อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร วันที่ 25 พ.ค.-7 มิ.ย. 2560

 จินตนา เป็นนักศึกษาที่ทุ่มเทเวลาในการจัดกิจกรรมออกค่ายอาสาพัฒนาครั้งแล้วครั้งเล่า และทุกครั้งที่ลงพื้นที่ก็มีเรื่องที่ราวที่ต้องคิดต้องทำมากมาย ซึ่งต้องกลั่นกรองจากประสบการณ์ทั้งการเป็นลูกค่ายและทีมงาน ย้อนกลับไปครั้งแรกในชีวิตของการเป็นนักอาสาพัฒนา เธอเล่าว่า

 "ครั้งแรกที่เข้ามาเป็นอาสาสมัคร ตอนนั้นเข้าไปเป็นสตาฟฟ์อาสาสมัครค่ายอบรมความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ให้กับน้องๆ แต่ว่ายังเป็นแค่คนที่ทำงานเบื้องหลัง นั่นคือความทรงจำแรกเกี่ยวกับการได้เป็นอาสาสมัคร ซึ่งตอนนั้นเรายังไม่ได้คิดอะไรมาก

 "จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนชวนไปออกค่ายอาสาสมัครไปอุ้มผาง จ.ตาก 2 สัปดาห์ เราก็ลังเลไม่ได้อยากจะไป ไม่ได้อยู่ในความคิดเลย เพราะไปถึง 2 สัปดาห์เรียกได้ว่านานมาก และน่าจะลำบากไม่น้อย แต่ทนลูกอ้อนของเพื่อนไม่ไหว ก็เลยลองไปดูสักครั้ง ไปอยู่ในที่ที่ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ แต่ไม่คิดว่าจะลำบากมากกว่าที่คิด เราเดินทางโดยรถไฟฟรีเพื่อประชาชน แล้วต่อรถไปอีก 3 ต่อเพื่อเข้าไปให้ถึงพื้นที่

ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมีจิตอาสา

 "ภาพแรกที่เราได้เห็น ก็คือพวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างลำบาก โรงเรียนเป็นแค่โรงเรือนที่มีแนวกำแพงกั้นห้องเล็กๆ ในห้องเรียนเดียวคุณครูจะสอนพร้อมกัน 2 ชั้นเรียน พื้นที่ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง และดูเหมือนว่าความรู้และการศึกษาจะเข้าไปถึงพวกเขาน้อยมาก แต่เด็กๆ ที่นี่ก็มีความกระตือรือร้นในการที่จะเข้ามาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากเรา ถามว่าพวกเขาอยู่ลำบากไหม ก็ไม่ได้ลำบากอย่างที่เราคิด เพราะพวกเขาก็ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่กันอย่างมีความสุข แต่ว่าเราอยากจะให้ความรู้จากโลกภายนอกเข้าถึงพวกเขาให้มากกว่านี้"

 หลังจากกลับจากทริปแรก ความเหนื่อยกลายเป็นความภูมิใจที่เธอได้ทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคมมากกว่า แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะเข้ามาสานต่อกิจกรรมอาสาของชมรม เพราะว่ายังมีภารกิจการเรียนและอย่างอื่นที่ต้องทำอีกมาก แต่สุดท้ายด้วยเพื่อนๆ และพี่ๆ ก็ทำให้เธอตัดสินใจเข้ามาทำงานเบื้องหลังการจัดกิจกรรมออกค่ายอาสาอย่างเต็มตัว

 "จากลูกค่ายมาเป็นผู้นำค่าย เรียกได้ว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เราไม่คิดเลยว่าการจัดค่ายอาสาพัฒนาจะต้องใช้เงินทุนเยอะขนาดนี้ ซึ่งเราที่เคยเป็นแต่ลูกค่ายเข้าไปช่วยลงแรง จะไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังนั้นลำบากกว่าที่คิด ต้องใช้เวลาระดมทุน ติดต่อประสานงานกับคนในพื้นที่ และการวางแผนงานที่ไม่ใช่เพียงแค่การพัฒนาค่ายอาสา แต่ยังรวมถึงสวัสดิภาพของลูกค่ายทุกคนที่เราต้องดูแลอีกด้วย

 "แหล่งในการหาเงินทุน ส่วนมากเราจะได้มาจากการแสดงเปิดหมวกขอรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา เราได้เห็นการตอบรับน้ำใจที่ดีจากคนในสังคม และก็มีบ้างที่มองเราด้วยความสงสัยว่าพวกเราทำอะไรกัน อยากจะบอกกับพวกเขาว่าสิ่งที่เราทำกันอยู่นั้นเป็นกิจกรรมที่ทำเพื่อสังคมจริงๆ ซึ่งยังมีหลายสถานที่ในประเทศไทยที่การศึกษาเข้าไปไม่ถึง

 "ในประเทศไทยยังมีอีกหลายที่ที่ต้องการความช่วยเหลือที่อยู่ลับสายตาผู้คนส่วนใหญ่ จนความเจริญทางการศึกษาเข้าไปไม่ถึง เราคิดว่าสิ่งที่เราได้รับจากการเป็นจิตอาสาก็คือเรื่องของความภูมิใจในตัวเองที่ได้ทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสังคม อยากจะบอกว่าถ้าอยากจะเป็นจิตอาสาก็ทำตั้งแต่ตอนเรียน เพราะไม่แน่ว่าต่อไปหลังเรียนจบ เราทำงานแล้วจะได้กลับมาทำประโยชน์ต่อสังคมแบบนี้อีกหรือเปล่า"