โรซี่-ชีรา ชูวิเชียร นางแบบอินเตอร์ บนแคตวอล์กที่มีขวากหนาม
ต้องพักรวมอยู่กับเพื่อนนางแบบที่โมเดล อพาร์ตเมนต์ ไม่มีพื้นที่ส่วนตัวเลย เปรียบห้องเล็กเท่ารูหนูและสกปรกมาก
โดย...มัลลิกา ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี
“ต้องพักรวมอยู่กับเพื่อนนางแบบที่โมเดล อพาร์ตเมนต์ ไม่มีพื้นที่ส่วนตัวเลย เปรียบห้องเล็กเท่ารูหนูและสกปรกมาก ผู้หญิง 6 คนต่อห้องน้ำ 1 ห้อง บางทีก็เจอสิ่งที่ไม่คาดคิดในห้องน้ำ นางแบบบางคนดื่มเหล้าเล่นยา มีพาผู้ชายมานอน ของกินในตู้เย็นก็ยังหาย เงินนี่ต้องพกติดตัวตลอด รู้สึกไม่ปลอดภัย มีความเครียดตลอดเวลา แถมยังบอกพ่อแม่ไม่ได้อีก”
นี่คือคำบอกเล่าจากภาพในความทรงจำเมื่อครั้งเธอไปเริ่มต้นเป็นนางแบบอาชีพที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
หลายคนคงเคยเจอสภาพเยี่ยงนี้ แต่สำหรับผู้หญิงชื่อ “โรซี่-ชีรา ชูวิเชียร” เป็นการอยู่การกินการใช้ชีวิตที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะอยู่เมืองไทยฐานะจากครอบครัว (เป็นบุตรของ พล.ท.นพ.ธนู ชูวิเชียร ศัลยแพทย์ผ่าตัดไตและระบบทางเดินปัสสาวะ กับ พล.อ.พญ.พรรณบุปผา ชูวิเชียร อายุรแพทย์ และเป็นแพทย์หลวงจิตรลดา) และการศึกษา เธอก็สามารถประกอบสัมมาอาชีพเลี้ยงตัวเองให้สุขสบายได้ ทว่าเธอเลือกที่จะเป็น “นางแบบ” และเป็น “นางแบบอินเตอร์” ซึ่งบนแคตวอล์กนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่สาวๆ ฝันถึง กว่าจะได้เดินออกมาสวยงามดั่งนางพญานั้น ต้องผ่านขวากหนามทิ่มแทงเกิดริ้วรอยในจิตใจ หากเยียวยาไม่ได้ ก็ต้องบาดเจ็บ พาร่างกายและจิตใจกลับมาตุภูมิ แต่สำหรับเธอทั้งเดิน ทั้งล้ม จนสามารถมาถึงเป้าหมายนางแบบอินเตอร์ จนมีชื่อชั้นที่ชาวต่างชาติรู้จักคือ “ชีรา ชู” (Cheera Choo) เป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับ O-1 Visa หรือวีซ่าประเภทดารา นางแบบ จากประเทศสหรัฐอเมริกา
นี่คือชีวิตโมเดลจริงๆ
โรซี่ เป็นอดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกการละคอน ที่จบการศึกษามาเป็น “นางแบบ” นับจากการแข่งขันประกวดเปรียวซูเปอร์โมเดล 2004 แม้จะไม่ได้เป็นที่หนึ่ง หากโรซี่ก็หลงเสน่ห์ของการเป็นนางแบบเข้าเต็มเปา เลือกจะทำงานสายนี้อย่างจริงจังแต่ก็ไม่รุ่ง ด้วยเทรนด์ยุคนั้นนิยมชมชอบผู้หญิงผิวขาว สไตล์ลูกครึ่งมากกว่า สาวไทยแท้หน้าคมเข้ม มีโหนกแก้มเด่นชัดเช่นเธอ บวกกับวงการนางแบบกำลังเปลี่ยนไป บนแคตวอล์กไม่ได้มีแค่นางแบบอาชีพ แต่นักแสดงกำลังเข้ามายึดพื้นที่ เพราะเป็นข่าวประชาสัมพันธ์งานได้ดีกว่า
“ตอนนั้นอายุ 18 เอง รู้ตัวเองว่าชอบศิลปะทุกแขนง รู้สึกว่าโลกนี้จะอยู่ได้และน่าอยู่ต้องมีสีสันต้องมีศิลปะ แต่ตอนนั้นไม่รู้ชอบอะไรมากที่สุด จนได้เดินแบบก็ชอบมาก นั่งรถจากรังสิตมาแคสงานในเมือง คุณพ่อคุณแม่ไม่รู้ด้วย ทำเพราะใจรักมากๆ เพื่อจะพิสูจน์ว่ามันเป็นอาชีพเลี้ยงเราได้ด้วย แต่ตอนนั้นหน้าโหนกๆ แบบนี้ไม่นิยมเท่าไร ทำงานที่ไทย 2 ปีไม่ก้าวหน้า ยิ่งทำเงินยิ่งน้อยลง เมื่อก่อนเดินหนึ่งจ๊อบได้เป็นหมื่น เดินไปเดินมาถูกต่อเหลือห้าพัน ก่อนไปต่างประเทศมีบางงานสามพัน เจ้าของงานบอกช่วยกันหน่อย ซึ่งเราก็ทำเพื่อคอนเนกชั่น ซึ่งจริงๆ เรารู้จักคนเยอะ รู้ว่าคนอื่นได้เท่าไร แต่เราพูดไม่ได้ แล้วก็เกิดความอึดอัดในใจ นางแบบคนหนึ่งจะได้งานต้องเข้าหาผู้ใหญ่ หรือต้องเดตกับดาราหรือวงการไฮโซ คือไม่ได้งานมาจากความสามารถนางแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่ต่างประเทศนางแบบคืออาชีพ แต่ที่ไทยนางแบบคือดาราและเซเลบริตี้ นี่เป็นจุดหักเหให้สนใจไปลองเป็นนางแบบที่ต่างประเทศดู”
จุดเริ่มต้นของการเป็นนางแบบอินเตอร์ของโรซี่ คือ โต-วิทยา มารยาท แห่ง WM Model Management ส่งไปทำงานโมเดลลิ่งที่สิงคโปร์กับเอเยนซีชื่อ Upfront Models ได้เข้าร่วมแข่งขันรายการโมเดลเรียลิตี้โชว์ของสิงคโปร์ Supermodel Me แล้วมาทำงานที่นิวยอร์ก ปี 2011 กับ Wilhelmina Model NY เอเยนซีติดท็อปห้าระดับโลก แต่หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังของรายได้ก้อนโต และความสวยงามที่เห็นเบื้องหน้านั้น ต้องผ่านอะไรมาบ้าง
“2009 ไปสิงคโปร์ก่อน ฟีดแบ็กดีมีงานทุกวัน วันหนึ่งแคสติ้งหลายงานมาก ได้เจอเพื่อนต่างชาติ รู้สึกเปิดโลก นี่คือชีวิตโมเดลจริงๆ สนุกมาก 2 เดือนกลับมาเมืองไทยจะต้องรุ่งแน่เลย แต่กลับมาก็เงียบแย่กว่าเดิม จนอยากเลิกทำอาชีพนี้ เคยวิเคราะห์ทำไมเราถึงไม่รุ่งมานั่งลิสต์ เราไม่ออกงาน ไม่ประจบผู้ใหญ่ เราทนค่าตัวไม่ได้ เราหน้าเหวี่ยงไป เขาชอบลูกครึ่ง มันเกิดจากระบบหมดเลย เราเลยต้องเอาตัวเราไปอยู่ที่อื่น เพราะเราแก้ไขระบบไม่ได้ อยู่เมืองไทยเราไม่ก้าวหน้าแน่ พี่โตส่งไปนิวยอร์ก แต่เราต้องออกเงินเอง ตอนนั้นคุณแม่ออกให้ไปก่อนค่าหลายๆ อย่างก็เป็นล้านได้ เวลาไปเที่ยวนั่งเฟิสต์คลาส ไปทำงานนั่งอีโคโนมี ประหยัดทุกอย่าง ไปถึงเราก็เป็นหนี้เอเยนซีทันทีค่าโมเดล อพาร์ตเมนต์ 1,600 เหรียญฯ ค่ากิน ค่าโทรศัพท์ ค่าซับเวย์ ทุกอย่างเกิดค่าใช้จ่ายหมด”
แม้จะมีเอเยนซีคอยขายงานให้ แต่ตัวนางแบบต้องรู้จักจุดขายของตัวเอง ซึ่งกว่าจะได้งานก็เกือบท้อกลับเมืองไทย “ตอนนั้นหนัก 49 สูง 174 เอว 23 ครึ่ง สะโพก 33 จัดว่าผอมโทรมเพราะเราอดอาหารผิดวิธี กินแต่แอปเปิ้ลเขียว บางวันก็กินแต่ไข่ต้ม ผอมแต่มีเซลลูไลต์ ดูไม่สดใสร่างกายขาดน้ำตาล แล้ววันหนึ่งต้องแคสติ้ง 7-9 ที่ แต่ไม่ได้งานเลย เราก็ไม่รู้ว่าเราไม่สวยหรือพอร์ตโฟลิโอไม่ดี ดูจากรูปทุกคนก็ชอบมากนะ แต่พอเขาเห็นตัวจริงก็ไม่เอา ตอนนั้นไม่รู้คิดถึงบ้านเครียดด้วย เอเยนซีก็ไม่ได้บอกเราว่าทำไมเราไม่ได้งาน แค่พยายาม 2 เดือนแรกดันๆ ให้เราเจอลูกค้าทุกคนที่เขามีคอนเนกชั่น เราเครียดเรื่องเงินด้วย ต้องเป็นหนี้ จ่ายให้เอเยนซีเป็นค่าโมเดล ค่าพรีเซนต์ ค่าวีซ่าที่เขาออกให้เรา ค่าอื่นๆ อีก พอเข้าเดือนที่สองได้งานโฆษณา 2 ตัว เงินคัฟเวอร์หนี้ รู้สึกยกภูเขาออกจากอก อยู่ไปเรื่อยๆ เริ่มเครียดน้อยลง รู้วิธีควบคุมอาหาร ออกกำลังกายเข้ายิม อ้วนขึ้นแต่ไม่มีเซลลูไลต์ ผิวพรรณเปล่งปลั่งขึ้น เริ่มรู้สึกเราสวย ส่วนการได้งานใช้เวลาถึง 7-8 เดือน เราถึงเรียนรู้ว่าเราต้องคุยกับลูกค้ายังไง มันเป็นแอดติจูดทำไงให้เขาสนุกเวลาเจอเรา ให้เขาเห็นพลังในตัวเรา เมื่อก่อนเราไม่มีพลังบวกเลย ช่วงปีแรกเครียดมาก ร้องไห้ทุกวัน กินข้าวไม่ลง ผอมมากสุขภาพไม่ดี คิดถึงบ้าน ลูกค้าเห็นเราก็มีแต่พลังลบ ซึ่งเรื่องแบบนี้สอนกันไม่ได้ ต้องใช้ประสบการณ์ ไม่มีคนมาไกด์ไลน์ เราต้องคิดเอง เมื่อก่อนเรามีอะไรไม่กล้าพูด มีแต่ค่ะๆ แต่ดีลงานกับฝรั่งชอบไม่ชอบก็บอกไปเลย ลูกค้าเราก็ต้องคุย เราต้องทำการบ้านว่าเขาชอบแบบไหน แบรนด์นี้ไม่ใช้คนเอเชียหมดหวัง แต่เราแต่งหน้าให้ลุคเป็นฮาวายได้ และการดีลกับเอเยนซีส่วนมากชาวสีม่วงเราต้องรู้ความสมดุลที่จะสื่อสารกับเขา ถ้าเราพูดมากเขาก็รำคาญ แต่ถ้าเราไม่ถามก็จะหาว่าเรามิสคอมมูนิเคต ซึ่งตรงนี้ใช้ชั่วโมงบินจริงๆ”
(กว่าจะเป็น) นางแบบอินเตอร์
โรซี่ใช้เวลาถึง 2 ปี กว่าจะมีงานอย่างสม่ำเสมอ เป็นที่รู้จักของลูกค้า เธอต้องใช้ความอดทนอย่างสูงเพื่อผ่านช่วงปีแรกมาให้ได้ นอกจากต้องต่อสู้กับจิตใจของตัวเองแล้วที่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมใหม่ เพื่อนใหม่ ยังต้องอดทนหาทางเพื่อที่จะได้งาน เพราะ 7 เดือนแรกนั้นต้องบอกว่าชีวิตนางแบบในต่างแดนไม่ได้สวยหรูเลยสักนิด
“มาปลดล็อกตรงนี้ได้ตอนกลับมาเมืองไทย หลังจากอยู่ 7 เดือน ได้คุยกับหลวงพ่อหลวงพี่ที่เราเคยมาปฏิบัติธรรม ใช้ธรรมะบำบัดตัวเอง เมื่อก่อนเรายึดมั่นว่าเราทำอะไรต้องถูกต้องห้ามถูกใจ ซึ่งเราพยายามทำทุกอย่างให้ถูกต้องมีระเบียบ เพราะพ่อแม่อุตส่าห์ไว้ใจให้มาทำงาน เราจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ไม่ไปนั่งดริงก์กับเพื่อนกลัวเพื่อนชวนไปเล่นยา ไม่ดื่มเหล้ากลัวบาป อยู่คนเดียวแล้วก็โฮมซิก เครียด สุขภาพจิตเสีย ร่างกายก็เสียด้วย จนเราผ่อนคลายขึ้นไปร้องคาราโอเกะมันง่ายๆ เอง เครียดก็หาทางผ่อนคลาย ไปกินข้าวตอนกลางคืนไม่ได้ไปทำอะไรไม่เหมาะสมนี่ ชีวิตก็สมดุลขึ้น และเราก็ค่อยๆ เรียนรู้อะไรมากขึ้น เมื่อก่อนโดนนางแบบด้วยกันแกล้งก็มี เราไม่รู้ทางก็บอกทางผิด บอกชั้นผิด โดนบ่อย มีแซงคิวแคสติ้ง เมื่อก่อนยอม แต่หลายๆ ทีก็ไม่ยอมแล้ว”
นับได้เวลา 6 ปี ที่โรซี่ไปเป็นนางแบบที่นิวยอร์ก และเธอก็พิสูจน์แล้วว่าผู้หญิงผิวสีเข้ม หน้ามีโหนกสูง ตาคมดุ ก็เป็นที่ต้องการของวงการแฟชั่น “ทำงานเข้าปีที่ 2 ก็ไม่มีหนี้แล้ว ก็รู้วิธีการทำงานมากขึ้น ก็เปลี่ยนเอเยนซีมา Bella New York และ APM Model New York ขนาดเอเยนซีเล็กลง แต่ดูแลโมเดลได้ทั่วถึง ความอลังการของงานสู้เอเยนซีใหญ่ไม่ได้ แต่เราได้งานเยอะและเงินเยอะกว่า แอดทีหนึ่งห้าพันเหรียญ เอเยนซีเล็กเงินน้อยกว่า แต่มีงานทำทุกวันทำให้เราไม่ฟุ้งซ่าน ไปแคสติ้งความเป็นไปได้ในการได้งานก็เพิ่มขึ้น พอเราเข้ารอบ 5 คนสุดท้ายก็มีกำลังใจ พอเข้ารอบบ่อยๆ ต้องมีที่ได้บ้างล่ะ อย่างปี 2014 ก็ได้พรินต์แอดของไอโฟน 6 หน้าหนูอยู่ในช็อปทั่วโลกตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ต.ค.”
เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โรซี่เพิ่งเซ็นสัญญากับเอเยนซี Next Model Management Los angeles-Miami และ Major Model New York ซึ่งเป็นเอเยนซีใหญ่ นั่นหมายถึงโอกาสที่จะได้งานจำนวนมากและเป็นงานใหญ่มีสูง รวมถึงมีงานต่างรัฐมากขึ้นด้วย “ตอนนี้ด้วยอายุของเราและเพิ่งแต่งงานก็เลิกเดินแฟชั่นแล้ว คือมันเครียดแล้วได้เงินน้อย ต้องแคสติ้งวันหนึ่ง 11-15 งานต่อวัน แล้วนางแบบมีเป็นหมื่นคน นางแบบบางคนยอมเดินเพื่อได้โปรไฟล์ไม่ได้เงิน บางคนเลือกความเก๋ แต่เราเลือกเป็นอาชีพที่มีเงินยังชีพได้ การเป็นนางแบบฟิตติ้ง พรีโปรดักต์ เดินแบบงานหนึ่งได้พันเหรียญ ถ่ายแอดได้สองพันเหรียญ เราไม่แคร์เรื่องชื่อเสียง เราไม่มีหนี้เอเยนซีคือความสุขแล้ว บางเดือนได้สองหมื่นเหรียญ บางเดือนได้แปดพันก็มี เราต้องบริหารการใช้จ่ายด้วย เกือบ 6 ปีที่อยู่ชีวิตดีขึ้นมาก ดีขึ้นในปีที่ 3 ไม่คิดจะกลับไปเป็นนางแบบที่ไทยแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็แฮปปี้กับชีวิตนางแบบของเราแล้ว ยิ่งตอนนี้อยู่กับ Next Model Management มีความเป็นไปได้ที่จะมีงานเยอะขึ้น เรามีผู้จัดการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น ถึงเราจะอายุ 30 แต่เราดูแลตัวเอง แล้วด้วยคนเอเชียหน้าเด็กได้เปรียบเวลาไปแคสติ้ง เวลาแคสติ้งเราก็ทำตัวให้ดูสดใส ใส่เสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์ให้ดูเรียบที่สุด เขาจะไปใส่ของเขาเอง”
การเป็นนางแบบอินเตอร์ทำให้เข้าใจระบบของการทำงานวงการนางแบบมากขึ้น ซึ่งสาวไทยหลายคนก็มีความฝันอยากจะมาสัมผัสประสบการณ์นี้สักครั้ง ซึ่งหลายรายก็มาโฉบเฉี่ยวได้เพียง 2-3 เดือน เพราะทนกับการแข่งขันและระบบไม่ไหว ซึ่งโรซี่ก็ได้ฝากประสบการณ์ของเธอไว้ว่า
“การทำงานที่นี่เป็นระบบมาก ไม่ใช่แค่สวยๆ เดินๆ แล้วรับเงินกลับบ้าน คนที่เป็นนางแบบอยู่แล้วที่เมืองไทยหากต้องการไปต้องลบทัศนคติหรือนิสัยความเคยชินที่ทำงานที่เมืองไทยออกให้หมดจนเหลือศูนย์ ถ้ายังเอานิสัยจากการทำงานที่เมืองไทยไปใช้ที่นิวยอร์ก หนูบอกได้เลยค่ะว่าอยู่ไม่ถึง 2 อาทิตย์ก็เก็บของบินกลับไทยแล้ว ถ้าจะไปทำงานที่นิวยอร์กต้องมีชั้นเชิงในการทำงานหรือสื่อสารกับคนในเอเยนซีมากขนาดไหน ซึ่งจุดนี้หนูใช้เวลาเป็นปีกว่าจะเข้าใจ นางแบบต่างประเทศเข้าหาเอเยนซีเหมือนเราเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท ให้เอเยนซีวางแผนเรา ถ้าเราขายไม่ออกหรือเงินเราน้อยลง ต้องคุยว่าเกิดอะไร เราอ้วน เราโทรม หรือลูกค้าไม่ชอบหรือเราต้องทำอะไรให้ดีขึ้น แต่ปัจจุบันนางแบบก็มาไวไปไว ไม่มีคำว่าคลาสสิกแล้ว สมัยนี้เขาเลือกจากการคลิกรูปหน้า โทรมไม่สวยก็บ๊ายบาย ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ถ้าเขาชอบให้ไปเทกคอร์สมา 3 เดือน ลูกค้าก็ยังรอ ดังนั้นเขาไม่รอนางแบบกันแล้ว เราต้องทำตัวเองพร้อมรอโอกาสเสมอ เมื่อก่อนตอนไปแรกๆ ยังใช้เวลาอย่างน้อย 2-5 วัน เอาโปรไฟล์ไปให้ดู ดูรูปตอบอีเมล แต่ตอนนี้กดดูอินสตาแกรมเห็นหน้านางแบบแล้ว คือก่อนที่จะลงภาพในอินสตาแกรมนางแบบต้องคิดแล้วคิดอีก มันคือแบรนดิ้ง วันหนึ่งต้องโพสต์รูปอย่างน้อย 3 รูป ติดแฮชแท็กอะไรบ้าง ต้องลิงค์ให้ใครดูบ้าง”
ทุกคนมีความฝัน มีเป้าหมายที่อยากไปถึง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำสำเร็จได้ ทว่าทุกคนมีสิทธิที่จะได้ลองทำ บทเรียนของใครคนหนึ่งอาจจะเป็นตัวช่วยให้เรามีทางลัดไปถึงหมุดหมายได้ง่ายขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด หากเราไม่มีใจรัก มุ่งมั่นที่จะทำจริงๆ ต่อให้สิ่งที่ต้องการอยู่แค่เอื้อมเราก็ไปคว้ามันมาไม่ได้ ถ้าไม่ก้าวออกจากจุดเดิม