posttoday

พสุ ลิปตพัลลภ กล้าคิดกล้าทำ

07 พฤศจิกายน 2558

พสุ ลิปตพัลลภ หรือ หลวง วัย 29 ปี บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ นักการเมืองคนดังของเมืองไทย

โดย...ยินดี ฤตวิรุฬห์

พสุ ลิปตพัลลภ หรือ หลวง วัย 29 ปี บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ นักการเมืองคนดังของเมืองไทย ณ เวลานี้เชื่อว่าในแวดวงการตลาดหรือแม้กระทั่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่มีใครไม่รู้จักเขา ในฐานะกรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท เจ้าของโครงการพาร์ค 24 คอนโดมิเนียมไฮเอนด์กลางสวนใหญ่ 10 ไร่ ย่านดิ เอ็ม ดิสทริค ทำเลที่ดีที่สุดบนถนนสุขุมวิท 24 มูลค่าการลงทุน 1.6 หมื่นล้านบาท

ขณะนี้โครงการได้เปิดขายเฟส 1 ไปแล้ว และมียอดขายกว่า 80% และในส่วนของเฟส 2 มีกองทุนฮ่องกงเข้ามาซื้อและเป็นเฟสที่ขายให้กับนักลงทุนต่างชาติเต็มเพดานที่ 49% 

ยอดขายที่ดีท่ามกลางเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ทุกคนมีความรู้สึกนึกคิดว่าชะลอตัว แต่ในทางกลับกัน โครงการพาร์ค 24 กลับมียอดขายที่วิ่งฉิว

ส่วนหนึ่งของยอดขายและความจดจำที่เกิดขึ้นสำหรับโครงการพาร์ค 24 นั้นน่าจะมาจากแคมเปญที่กระตุ้นยอดขายที่สร้างความฮือฮาและเป็นที่กล่าวถึงอย่างมากในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมานั้นคือ “หุ้นแลกคอนโด” ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดไอเดียกันเลยทีเดียว

พสุจบปริญญาโท สาขาอสังหาริมทรัพย์และการเงินจาก CASS Business School ประเทศอังกฤษ มีประสบการณ์การทำงานในด้านการเงิน โดยเฉพาะในส่วนของการรับผิดชอบและดูแลในเรื่องของอนุพันธ์ต่างๆ ทางด้านการเงินที่เอบีเอ็น แอมโร และสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดที่สิงคโปร์และฮ่องกง ถือว่ามีส่วนอย่างมากที่ทำให้พาร์ค 24 มีกลยุทธ์ทางการตลาดแบบคาดไม่ถึง และกลับได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อ

พสุ กล่าวว่า แคมเปญ “หุ้นแลกคอนโด” ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีและถือว่าสำเร็จ เพราะ 2 เดือนที่มีแคมเปญนี้มีนักลงทุนนำหุ้นมาแลกหรือมาดาวน์คอนโดประมาณ 10 ห้อง จากเป้าหมายที่คาดหวังไว้ 20 ห้อง ซึ่งเป็นไปได้ว่าขณะนี้ตลาดหุ้นไทยได้พลิกกลับมาดูดีขึ้น จึงทำให้นักลงทุนเลือกที่จะถือหุ้นไว้เองแทนที่จะนำมาแลกเป็นเงินดาวน์คอนโด

ขณะที่เขาคิดแคมเปญ “หุ้นแลกคอนโด” นั้นตลาดหุ้นมีความผันผวนมาก และทางทีมผู้บริหารก็รู้จักกับกลุ่มนักลงทุนและมองว่าในยามที่ตลาดหุ้นผันผวน นักลงทุนมีหุ้นที่ติดพอร์ตอยู่ จึงอยากที่จะทำให้นักลงทุนมีโอกาสและกระจายความเสี่ยงออกมาจากหุ้น โดยให้นำหุ้นที่ติดอยู่แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องเป็นหุ้นใน SET50 นำมาแลกเป็นในห้องคอนโด โดยทางโครงการจะคำนวณราคาหุ้นที่จะนำมาใช้เพื่อแปรสภาพเป็นเงินดาวน์ให้ที่ดัชนีและราคาหุ้นตัวนั้นสูงสุด ซึ่งบริษัทได้ยอมรับความเสี่ยงในส่วนของราคาหุ้นที่ได้คำนวณไปให้กับนักลงทุน ในช่วงที่ดัชนีสูงสุด ณ วันที่ 13 ก.พ. 2558 ที่ 1,615 จุด

“เรามีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวและธุรกิจอสังหาฯ เป็นตัวผลักดันให้เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนไปได้ในสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย โดยมอบช่องการลงทุนทางเลือกใหม่ในตลาดอสังหาฯ ซึ่งนับเป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง เห็นได้จากการที่ราคาที่ดินมีแต่เพิ่มมูลค่าสูงขึ้นตลอดเวลา โดยเฉพาะในทำเลที่ดีเยี่ยม ยิ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่อปัจจัยผันผวนน้อย เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ และหากย้อนกลับไปช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง จะเห็นได้ชัดว่าธุรกิจอสังหาฯ เป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ แต่มีการฟื้นตัวได้เร็วกว่าธุรกิจอื่น เราเชื่อว่าการกระจายความเสี่ยงการลงทุนในตลาดหุ้นไปยังอสังหาฯ จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า จึงเป็นที่มาของแคมเปญการตลาดแนวใหม่”

พสุ ลิปตพัลลภ กล้าคิดกล้าทำ

 

หากเปรียบเทียบสภาพคล่องระหว่างหุ้นกับคอนโดแล้ว หุ้นมีสภาพคล่องและสามารถเปลี่ยนมือได้ดีกว่าคอนโด แต่ในทางกลับกัน คอนโดหากมีไว้เป็นสิ่งที่จับต้องได้ และอนาคตก็จะมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นตามราคาประเมินที่ดินที่เพิ่มขึ้น ยิ่งโครงการของบริษัทอยู่ในทำเลที่ดี นับวันที่นานขึ้น มูลค่าก็เพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้ราคาที่ดินในย่านนี้อยู่ที่ตารางเมตรละกว่า 1.75 แสนบาท จากก่อนหน้านี้ราคาถูกกว่านี้

เขาคาดหวังว่าแคมเปญนี้จะประสบความสำเร็จ และจะใช้แคมเปญที่หวังผลได้มาก และมีการพูดถึงกันแต่ใช้เงินน้อยหน่อย จึงต้องใช้สมองมากหน่อยในการคิด และหากดูประวัติลูกค้าที่เข้ามาซื้อโครงการจะเห็นว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีการซื้อเพื่อลงทุน ขณะเดียวกันก็มีลูกค้าที่เป็นนักลงทุนด้วย สุดท้ายจึงเป็นที่มาของแคมเปญนี้และถือว่าสำเร็จ เพราะนอกจากใช้เงินน้อยแล้วลูกค้าและผู้คนพูดถึงกันมาก

พสุ กล่าวว่า การตัดสินใจนำพาชีวิตของตัวเองกลับมาทำธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจดั้งเดิมของครอบครัว ที่คุณย่าเป็นผู้ก่อตั้ง ส่วนหนึ่งเพราะชอบธุรกิจอสังหาฯ และหลังจากทำงานกับสถาบันการเงินต่างชาติมากว่า 7 ปี มีความคิดที่อยากจะหาหรืออยากจะทำอะไรที่ทำเอง ตัดสินใจวางแผนเองมากกว่าจากการที่ต้องทำงานตามหน้าที่ ซึ่งถือว่าระยะเวลา 8 เดือน กับการเข้ามาร่วมบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท ถือว่าโอเค ซึ่งในการตัดสินใจต่างๆ คุณพ่อก็ให้สิทธิในการทำงานเต็มที่ แต่มีการหารือหรือขอความคิดเห็นจากคุณพ่อ เพราะประสบการณ์ของคุณพ่อในด้านต่างๆ นั้นมีมากมาย และก็เลือกที่จะใช้ประสบการณ์จากคุณพ่อนำมาพัฒนาและหยิบมาใช้ในการบริหารงานเช่นกัน

“การทำงาน การเรียน และการใช้ชีวิต คุณพ่อให้สิทธิเต็มที่ในเรื่องของการคิด การเลือกที่จะเรียนเลือกที่จะทำงานเอง ซึ่งในส่วนตัวของผม ผมชอบเรียนในเรื่องของตัวเลข เพราะคิดเสมอว่าการเรียนในเรื่องของตัวเลขนั้นมันตรงๆ ได้ผลออกมาอย่างไรก็อย่างนั้น มันมีเหตุมีผล สามารถอธิบายได้ด้วยตัวเลข แต่ก็ไม่แปลกหากในการใช้ชีวิตบางเรื่องบางอย่างผมก็จะปรึกษาคุณพ่อเพราะถือว่าประสบการณ์ที่มีสามารถนำมาใช้ได้ในการใช้ชีวิตและการทำงาน”

เส้นทางการทำงานของพสุ ในต่างประเทศนั้นเริ่มต้นหลังจากจบปริญญาโท ครั้งแรกทำงานอยู่ที่สิงคโปร์และฮ่องกง เริ่มต้นที่บริษัท เอบีเอ็นแอมโร ที่สิงคโปร์ ในตำแหน่งแอสโซซิเอท ด้านตราสารทางด้านการเงิน ซึ่งทำอยู่กว่า 1 ปี และเมื่อเกิดวิกฤตซับไพรม์ อาร์ บี เอส (รอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์) ซึ่งเป็นธนาคารยักษ์ใหญ่อันดับ 4 ของโลก ก็เข้ามาซื้อและเขาก็ต้องทำงานที่สำนักงานสิงคโปร์ ซึ่งก็ยังรับผิดชอบในเรื่องของตราสารหนี้ที่ออกใหม่และดูในเรื่องของการขายตราสารอนุพันธ์ทางด้านบริหารความเสี่ยง และสุดท้ายคือร่วมงานกับทางธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดที่สิงคโปร์ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดด้านอนุพันธ์ในการบริหารความเสี่ยง ซึ่งก็ยอมรับว่าประสบการณ์การทำงานในด้านการเงินที่ทำมาต่อเนื่องนั้น ทำให้ในวันนี้ในการทำงานในบริษัทของครอบครัวนั้นสามารถนำประสบการณ์ที่ผ่านมานำมาใช้ได้อย่างมีคุณค่า

พสุ บอกว่า การทำธุรกิจอสังหาฯ เป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินทุนสูง ดังนั้นจะต้องมีการวางแผนและจัดโครงสร้างทางการเงินให้เหมาะสมกัน ซึ่งในส่วนของบริษัท พราว เรียล เอสเตท นั้นนอกจากจะทำโครงการคอนโดแล้ว ยังมีในส่วนของสวนน้ำ โรงแรม และรีเทลมอลล์ ที่ร่วมกับกลุ่มเดอะมอลล์ที่จะพัฒนาที่หัวหิน ซึ่งการวางโครงสร้างทางธุรกิจแบบนี้ก็เพื่อในระยะเริ่มต้นของธุรกิจระหว่างที่คอนโดอยู่ระหว่างการขายและการก่อสร้างจะใช้เวลากว่าจะโอนห้องให้กับลูกค้าได้ และกว่ารายได้จะเข้ามาระหว่างนี้ บริษัทก็จะมีรายได้จากธุรกิจสวนน้ำและธุรกิจรีเทลมอลล์ และอนาคตเมื่อคอนโดแล้วเสร็จและโอนรายได้หลักจะมาจากการขายคอนโดซึ่งมองว่าบริษัทจะสามารถโอนคอนโดให้กับลูกค้าได้ประมาณปี 3 ปีครึ่ง นับจากวันที่เริ่มเปิดโครงการเมื่อเดือน พ.ย. 2556

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่รอรายได้เข้ามาอย่างเต็มที่จากการโอนระหว่างนี้ก็จะต้องจัดเงินให้เกิดความเหมาะสม ซึ่งเงินส่วนหนึ่งประมาณ 60% ก็จะมาจากสถาบันการเงิน ซึ่งในส่วนของบริษัทนั้นได้รับการสนับสนุนจากธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งก็ต้องบอกว่ามีความมั่นใจพอสมควรกับโครงการพาร์ค 24 เพราะทำเลที่ดีมาก และอีก 30% ก็เป็นเงินที่มาจากเงินทุนและบางส่วนก็คือเงินดาวน์จากลูกค้า

“การทำคอนโดยอมรับว่าความมั่นใจของลูกค้าจะมาเต็ม 100% ก็ต่อเมื่อโครงการก่อสร้างเป็นรูปเป็นร่างและเกือบแล้วเสร็จนั้นเอง แต่ด้วยทำเลที่ตั้งและความตั้งใจ ความมั่นใจทั้งหมดที่มีเชื่อว่าเราจะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจอสังหาฯ แน่นอน ส่วนอนาคตพสุจะได้รับความไว้วางใจและจะถูกวางให้เป็นทายาทในการทำธุรกิจอสังหาฯ ในบริษัทที่คุณย่าก่อตั้งมาหรือไม่นั้น เขากล่าวว่า ต้องไปถามคุณย่า แต่ในวันนี้ผมจะทำทุกอย่างให้ดีและสำเร็จที่สุด”

ต้นแบบสำหรับเขาในด้านการเงิน คือ พิชัย ชุณหวชิร อดีตมือการเงินในบริษัท ปตท. หรือประธานกรรมการ บริษัท บางจากปิโตรเลียม (BCP)ที่พสุบอกว่าได้พูดคุยหรือรับฟังคำสอบจากพิชัยเพียงแค่ 1 ชั่วโมง เท่ากับเรียนในชั่วโมงเรียนในด้านการเงินประมาณ 3 เดือน

พสุเคยมีส่วนร่วมในการนำบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ออกไปขายหุ้นกู้สกุลเงินต่างประเทศครั้งแรกหลังจากเกิดวิกฤต ในฐานะที่ปรึกษาการเงินระหว่างทำงานที่เอบีเอ็น แอมโร ที่มีส่วนในความสำเร็จในการขายตราสารสกุลเงินต่างประเทศของ PTTEP ด้วย

‘หุ้นแลกห้อง’

1 โครงการโปรโมชั่นนี้สงวนสิทธิสำหรับนักลงทุนไทยที่ลงทุนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น

2 หุ้นที่จะนำมาแลกจะต้องมีต้นทุนจากการลงทุนสูงกว่าหรือเท่ากับราคาปิดของหุ้นในวันโอนหุ้นเท่านั้น

3 นักลงทุนจะต้องแสดงหลักฐานต้นทุนที่ได้มาของหุ้นดังกล่าวแก่ทางโครงการ

4 ในการคำนวณจำนวนหุ้นเพื่อทำรายการนี้ โครงการจะนำเงินดาวน์ห้องชุด 20%(หักด้วยเงินจอง) มาหารด้วยราคาหุ้น SET50 ที่จะใช้ทำรายการ โดยจะใช้ราคาปิดของหุ้น SET50 แต่ละบริษัทณ วันที่ 13 ก.พ. 2558

5 โปรโมชั่นดังกล่าวกำหนดให้เฉพาะนักลงทุนที่ตัดสินใจซื้อโครงการพาร์ค 24 เฟส 2เพียง 20 ยูนิตเท่านั้น

6 บริษัทขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขใดๆในโครงการโปรโมชั่นนี้โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า