posttoday

ความสุข ความทุกข์ และสิ่งที่อยู่ในตัวเรา

11 ตุลาคม 2558

คุณเคยรู้สึกเป็นทุกข์ กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือกับคนใดคนหนึ่ง แล้วหาทางออกหรือคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้บ้างไหม?

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร ภาพ Igor Kovalenko

คุณเคยรู้สึกเป็นทุกข์

กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือกับคนใดคนหนึ่ง

แล้วหาทางออกหรือคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้บ้างไหม?

ยิ่งทุกข์หนักเข้าไปใหญ่ หากไม่รู้จะไปพูดหรือไประบายความทุกข์นั้นให้ใครฟัง เพราะไม่รู้ว่าเขาจะยอมรับฟังความทุกข์ของเราหรือเปล่า หรือถึงมีคนฟัง ก็ไม่รู้ว่าเขาจะช่วยให้เรารู้สึกดีหรือปลดเปลื้องความทุกข์ได้มากน้อยแค่ไหน

แต่มีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งครับ เป็นหนังสือเล่มสีส้มสบายตาที่มีชื่อว่า เบิกบานยินดี โดย โอโช (แปลและเรียบเรียงโดย ภัทริณี เจริญจินดา) มันเป็นหนังสือเล่มที่ผมคิดว่ากำลังมาถูกที่ถูกเวลาสำหรับพวกเราชาวไทย ที่กำลังทุกข์อกทุกข์ใจและหาทางออกหรือคำตอบให้กับตัวเองไม่เจอ

“มนุษย์มีความทุกข์อยู่อย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือการที่มนุษย์มัวแต่มองออกไปข้างนอกเพื่อแสวงหาความสุข แต่แล้วก็ไม่ได้พบกับความสุข เพราะความสุขอยู่ภายในตัวท่านต่างหาก” (หน้า 38)

หากนี่คือจุดเริ่มต้นของการค้นหาทางออกหรือคำตอบให้กับความทุกข์ที่เรามีอยู่ มันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า จริงๆ แล้ว ที่เราเป็นทุกข์ เพราะเรากำลังคาดหวังในตัวความสุขจากสิ่งที่อยู่ภายนอก ซึ่งพอมันไม่ได้เป็นอย่างที่คาดหวัง เราก็เศร้า เสียใจ ไม่สบายอกสบายใจ กังวล กลัว และบางครั้งก็เพิ่มความคาดหวังมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งพอไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง เราก็เศร้า เสียใจ ไม่สบายอกสบายใจ กังวล กลัว ทบเท่าทวีคูณเข้าไปอีก

ทั้งๆ ที่ถ้าเรามองเห็นและได้ทำความรู้จักกับการไม่คาดหวังความสุขจากสิ่งที่อยู่ภายนอก ใจเราจะเบา พอใจเบา เราจะรู้สึกว่าชีวิตเราเหมือนเสียงดนตรี เหมือนผีเสื้อบินรอบดอกไม้ เหมือนสายน้ำไหลเย็น เหมือนอากาศบริสุทธิ์ และเราจะรู้สึกเบิกบานยินดีกับการใช้ชีวิตอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“หากท่านกำลังแสวงหาความสุข ท่านย่อมไม่ได้รับความสุข ความสุขคือผลพลอยได้จากการทำสิ่งต่างๆ ท่านจึงไม่อาจแสวงหาความสุขได้โดยตรง ความสุขจะเกิดขึ้นเวลาท่านไม่ได้คิดถึงมัน แล้วจะกล่าวถึงการแสวงหาไปเพื่ออะไร เวลาท่านกำลังทำสิ่งที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง จู่ๆ ความสุขก็มาจากไหนไม่รู้” (หน้า 62)

นี่อาจเป็นก้าวที่สองของการค้นหาทางออกหรือคำตอบให้กับความทุกข์ที่เรามีอยู่ ซึ่งเป็นก้าวเดินที่กำลังบอกให้เราได้รู้ตัวว่า หากเราลองหาขั้วตรงกันข้ามกับความทุกข์ที่เรากำลังมีอยู่ แล้วลงมือทำ เราจะค้นพบว่า ความทุกข์ที่มีอยู่มันหายไป และความสุขก็ไหลเวียนมาโดยที่เราไม่ได้ทันตั้งตัว

เช่น เรากำลังทุกข์ใจ เพราะไม่ชอบใจที่คนบางคนเอาเรื่องของเราไปพูดให้คนอื่นฟังแบบเสียๆ หายๆ จนคนอื่นเข้าใจเราผิดไป นี่แสดงว่าเรากำลังเอาใจไปจดจ่อกับการไม่ชอบใจคนคนนั้น ซึ่งถ้าเราลองเปลี่ยนความไม่ชอบใจ เป็นการได้ลองทำความเข้าใจในตัวคนคนนั้น และกับสิ่งที่เขาทำ เราจะมองเห็นว่า ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น มันมีอะไรเป็นเหตุจูงใจให้เขาต้องลุกขึ้นมาพูดถึงเรื่องของเราในทางเสียๆ หายๆ ให้คนอื่นฟัง บางทีเราอาจจะค้นพบว่า ต้นเหตุอาจมาจากตัวเราก็เป็นได้ ที่เขาเอาเรื่องของเราไปพูดให้คนอื่นฟังแบบเสียๆ หายๆ นั้น อาจเป็นเพราะเราไปทำอะไรบางอย่างให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจ หรือไม่ก็สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเป็น หรือสิ่งที่เรามี อาจทำให้การใช้ชีวิตของเขามันยุ่งยากขึ้น จนเขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องตัวเอง

เมื่อเราได้ลองทำความเข้าใจ ความไม่ชอบใจตั้งแต่แรกจะค่อยๆ ลดดีกรีความร้อนแรงลง จนความทุกข์ใจเริ่มลดน้อยลง พอไม่ทุกข์ใจ ความเครียดก็ไม่มี เราก็ไม่คิดมาก แล้วความสุขมันก็จะมาของมันเอง

“แค่หยุดแสวงหา แล้วท่านจะพบความสุข เพราะการแสวงหา หมายถึงจิตที่ดิ้นรนพยายาม การไม่แสวงหา หมายถึงจิตที่ผ่อนคลาย เมื่อท่านผ่อนคลายเท่านั้น ความสุขจึงจะเกิดขึ้น” (หน้า 65)

ยิ่งเราเป็นทุกข์ แล้วคาดหวังคนที่จะมาปลดเปลื้องความทุกข์ เพื่อที่ว่าเขาอาจจะทำให้เรามีความสุข เราไม่มีทางปลดเปลื้องความทุกข์และมีความสุขได้หรอก ความสุขต้องเกิดจากการที่ภายในของเราไม่ขุ่นมัว ภายในจะไม่ขุ่นมัวก็ต่อเมื่อเราได้ทำให้สิ่งที่ทำให้เราทุกข์ใจ ได้ตกตะกอนจนกลายเป็นน้ำใสไหลเย็นอยู่ภายในตัวเรา เมื่อภายในตัวเรามันใสเย็น เราก็จะไม่ทุกข์ พอไม่ทุกข์ ความสุขก็จะเกิดขึ้นมาเองโดยไม่ต้องพยายามทำให้ชีวิตมีความสุขเลยแม้แต่นิดเดียว

แล้วความเบิกบานยินดีก็จะเกิดขึ้น

การมองโลก มองสังคม มองผู้คน ก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

มันคือความดีงามที่หาซื้อไม่ได้ นอกจากเราต้องทำด้วยตัวของเราเอง