posttoday

เป็นสุข เป็นไท เป็นตัวเอง ณรงค์ชัย จิราพาณิชกุล

14 ธันวาคม 2559

มองตัวเองและเรียกขานตัวเองว่าเป็นลิฟวิ่ง สไตล์ลิสต์ (Living Stylist) จิว-ณรงค์ชัย จิราพาณิชกุล ผู้ก่อตั้งและผู้จัดการฝ่ายการตลาด

โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ ภาพ... ประกฤษณ์ จันทะวงษ์

มองตัวเองและเรียกขานตัวเองว่าเป็นลิฟวิ่ง สไตล์ลิสต์ (Living Stylist) จิว-ณรงค์ชัย จิราพาณิชกุล ผู้ก่อตั้งและผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท วิน็อตโต้ ผู้ก่อตั้งวิลลา วิน็อตโต้ (Villa Vinotto) ศูนย์เฟอร์นิเจอร์ลักซ์ชัวรี่นำเข้าจากยุโรปและสหรัฐ งานของเขาคือการกำหนดสไตล์การตกแต่งบ้าน รวมทั้งจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้สอดคล้องกับสไตล์ของผู้อยู่อาศัย รวมทั้งล่าสุดที่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 7 ของ Style Influencer ของจิม ทอมป์สัน (Jim Thompson)

ชีวิตเดินมาถึงจุดนี้อย่างไร ตั้งคำถามกับเจ้าตัวที่ก็ไม่รู้ และเมื่อมองย้อนกลับไปก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย!

“ย้อนกลับไปผมก็เป็นเด็กชายคนหนึ่ง เติบโตมาจากครอบครัวชนชั้นกลาง คุณพ่อคุณแม่มีเวลาไม่มาก นั่นเป็นเหตุให้ผมต้องระเห็จไปอยู่โรงเรียนประจำตั้งแต่เด็ก ข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลจากบ้านมาก”

ตั้งแต่จำความได้พ่อแม่ก็ไม่ค่อยมีเวลา เนื่องจากต้องดูแลกิจการธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ของตระกูล เกรงลูกชายจะเสียการเรียน จึงส่งไปอยู่โรงเรียนประจำที่ต่างประเทศ Geelong College Melbourne, Australia จบไฮสคูลที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย แล้วเรียนต่อปริญญาตรีด้านการตลาด Monash University ที่เมืองเมลเบิร์น

พี่ชายพี่สาวก็เรียนหนังสืออยู่ที่เมืองเดียวกัน หากเมื่อเขาเรียนจบไฮสกูลและกำลังจะขึ้นเรียนต่อปริญญาตรี ก็เป็นช่วงเวลาที่พี่ชายพี่สาวเรียนจบกลับเมืองไทยไปก่อน จิวจึงใช้ชีวิตเต็มที่ที่ต่างประเทศ เขาอยู่คนเดียว ตัวคนเดียว ดูแลตัวเอง ไม่เหงา ไม่เคยเหงา

เป็นสุข เป็นไท เป็นตัวเอง ณรงค์ชัย จิราพาณิชกุล

 

“ผมเป็นคนเรียนไม่เก่ง ไม่ใช่หัวไม่ดี แต่เป็นเด็กวัยรุ่นที่ไม่ค่อยตั้งใจเรียน อยู่เมืองนอกคนเดียวด้วย เพราะฉะนั้นก็ใช้ชีวิตเต็มที่ แข็งแรงมากก็เที่ยวมากและเที่ยวดึก บางคืนไปเป็นดีเจเปิดแผ่น ทำงานทั้งคืนเพื่อแลกเบียร์ 6 กระป๋อง (ฮา)”

เรียนจบปริญญาตรีแล้วกลับเมืองไทย ทำงานหาประสบการณ์ที่เมืองไทยสามปีก่อนจะบินกลับไปเรียนต่อปริญญาโทด้านการตลาดที่บอสตัน สหรัฐ ที่ Boston College Boston, Massachusetts ได้ค้นพบว่าถ้าตั้งใจเรียนก็เรียนสนุก เสียดายตัวเองก็ตอนนี้ ถ้าตั้งใจเรียนเสียตั้งแต่แรกคงดีไม่น้อย

“การใช้ชีวิตเมืองนอกสำหรับผม ดีที่สุดคือความกล้า การใช้ชีวิตด้วยตัวเองทำให้เรามีความกล้า กล้าที่จะทำ กล้าที่จะคิด กล้ายืนหยัดในสิ่งที่เราคิด ยืนหยัดในสิ่งที่เราเป็น” จิวเล่า

จบปริญญาโทแล้วเตรียมกลับไทย คว้าติดมือมาด้วยคืองานหลอดไฟดีไซน์ที่ผู้ใช้สามารถถือหรือหิ้วติดตัวเดินไปเดินมาได้ จิวสั่งนำเข้ามาขายที่ทองหล่อและบีเทรนด์ เซ็นทรัล เป็นที่ฮือฮาอยู่พักใหญ่ แต่หลักๆ คือการกลับมาช่วยธุรกิจของครอบครัว จิวรับผิดชอบดูแลแบรนด์เฟอร์นิเจอร์โมเดิร์น “โมบีเลีย” (Mobillia) เขาสร้างแบรนด์ขึ้นมา พัฒนาแบรนด์และดูแลยอดขาย สมกับที่เรียนด้านการตลาด

“ในตอนแรกผมคิดว่านักการตลาดมีหน้าที่อยู่แค่นั้น คือดูแลยอดขาย บริหารงานขาย ทำหน้าที่สนับสนุนการขายให้มียอดสูงสุด ผมทำอย่างนี้อยู่ 5 ปีผมก็เบื่อ”

เป็นสุข เป็นไท เป็นตัวเอง ณรงค์ชัย จิราพาณิชกุล

 

มาถึงจุดอิ่มตัวเมื่อยอดขายคงที่ ไม่ว่าจะพัฒนาอย่างไรก็ขายได้เท่านี้ จิวถามตัวเองและครอบครัวว่า ในเมื่อเรามีโนว์ฮาว หรือองค์ความรู้มากมายเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์ ทำไมไม่ทำเฟอร์นิเจอร์นำเข้า แบรนด์โมบีเลียให้น้องชายเอาไปทำต่อ ส่วนจิวแยกออกมาพัฒนาแบรนด์ใหม่ วิลล่า วิน็อตโต้ เนรมิตพื้นที่ 1,000 ตารางเมตรย่านสุขุมวิท ซอย 26 สร้างบรรยากาศและความน่าสนใจของศูนย์เฟอร์นิเจอร์นำเข้าพรีเมียม

จากเดิมที่เคยคิดว่าหน้าที่ของนักการตลาด คือ ทำอย่างไรให้ของขายดีและของขายได้ ของขายหมดก็จบ ของขายหมดแล้วมีความสุข จิวบอกว่า นี่คือการเข้าใจตัวเองผิด เข้าใจความสุขของตัวเองผิด แถมเข้าใจผิดๆ แบบนี้มาตลอดชีวิต มาพบกับกุญแจดอกสำคัญที่เฉลยปริศนาของชีวิตก็เมื่อธุรกิจถูกต้อนเข้าทางตัน

“มาถึงจุดที่ท้อ เมื่อพาร์ตเนอร์นักธุรกิจชาวต่างประเทศทิ้งทุ่นเรา เราเคว้งเลย บอกแม่ว่าคงไม่ทำต่อแล้ว จากนั้นถือโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศเพื่อพักผ่อนและยุติทุกอย่าง ปรากฏว่าตอนอยู่ฝรั่งเศสผมก็ได้เจอกับคนคนหนึ่ง เป็นชาวฝรั่งเศสที่ได้พบปะเจอะเจอกันโดยบังเอิญในล็อบบี้โรงแรม ก็แค่คนธรรมดาที่พูดคุยถูกคอกัน”

จิวใช้คำว่า “ลมเพลมพัด” มาเจอกัน แทนที่จะเป็นการโคจรมาเจอกันแล้วผ่านเลยไป จิวได้รับคำเชิญไปดูร้านเฟอร์นิเจอร์กลางนครปารีสของนักลงทุนผู้นี้ ร้านเฟอร์นิเจอร์ที่จิวบอกว่า สวยและสร้างแรงบันดาลใจสูงสุดเท่าที่เคยดูมาตลอดทั้งชีวิต

เป็นสุข เป็นไท เป็นตัวเอง ณรงค์ชัย จิราพาณิชกุล

 

ร้านเฟอร์นิเจอร์ที่เห็น ไม่ใช่แค่ร้านเฟอร์นิเจอร์ แต่เป็นสถานที่ที่สร้างจินตนาการและความตื่นตาตื่นใจสูงสุด ไอเดียคือศิลปะการจัดวางที่ทำให้จิวเกิด “อีโมชั่น” อารมณ์ความรู้สึกท่วมท้น ผลักดันให้เขาโทรศัพท์ข้ามทวีปหาพี่สาวและมารดาเดี๋ยวนั้น บอกทั้งคู่ว่า รู้แล้วว่าจะทำอะไรต่อไป พี่สาวบอกว่าไม่ได้นะ ถ้าจะขอเงินกงสีต้องเขียนเป็นแผนธุรกิจที่ชัดเจน ขอความชัดเจนไม่อย่างนั้นก็ไม่ได้เงิน ทันทีที่กลับถึงเมืองไทย ที่บ้านส่งคนรถไปรับที่สนามบิน จิวบอกคนขับรถว่า ไม่กลับบ้านแต่ให้ตรงไปบ้านของแม่

“ผมเรียกประชุมครอบครัวเดี๋ยวนั้นเลย เข้าห้องประชุมใหญ่ที่บ้านแม่ ทุกคนฟังผมแถลงอยู่ 3 ชั่วโมง ตกลงได้เงินก้อนหนึ่งมาทำร้าน”

จิวส่งตั๋วที่นั่งเฟิสต์คลาสไปให้นักธุรกิจผู้สร้างไอเดียบรรเจิด ตกลงให้พาร์ตเนอร์ผู้นี้ทำการออกแบบพื้นที่และจัดวางเฟอร์นิเจอร์ในร้าน เขียนแบบแล้วกลับไป กลับมาอีกครั้งเมื่อตกแต่งร้านเสร็จ ปีหนึ่งๆ เจอกัน 2 ครั้ง เป็นอย่างนี้เรื่อยมา กระทั่งฝรั่ง (เศส) รายนี้ก็ทิ้งทุ่นเขาอีก

“วิกฤตมักมาแบบไม่ได้ต้อนรับ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน แต่ทุกครั้งของวิกฤตคือโอกาส มันเป็นอย่างที่คำเขาว่าจริงๆ เมื่อฝรั่งทิ้งเรา เราก็ทำเอง ใช้ความรู้ความสามารถประสบการณ์เป็นที่ตั้ง แล้วรู้อะไรมั้ย มันดีกว่าตอนที่ให้ฝรั่งทำเสียอีก”

ปรากฏว่าลูกค้าชอบ ไม่ได้แค่ชอบแต่ชอบมาก แถมยอดขายและมาร์จิ้นกำไรก็พุ่งพรวดไปกว่า 35% จิวมีกำลังใจคิดว่าเราทำได้ จากนั้นก็ต่อยอดธุรกิจมาเรื่อย นำเข้าเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ชั้นนำจากยุโรปและสหรัฐ แล้วมิกซ์แอนด์แมตช์ในสไตล์ของตัวเอง จุดแข็งคือการตลาดที่ลูกค้าสามารถนำสินค้าไปจัดวางในบ้านก่อนได้แม้จะยังไม่ตัดสินใจซื้อก็ตาม

เป็นสุข เป็นไท เป็นตัวเอง ณรงค์ชัย จิราพาณิชกุล

 

“ก็ในเมื่อเราลองเสื้อในห้องลองเสื้อได้ ดูว่าถูกใจหรือไม่ถูกใจ ใส่แล้วสวยหรือไม่สวยจากนั้นจึงตัดสินใจซื้อ เฟอร์นิเจอร์ในบ้านก็เช่นกัน คุณนำไปตกแต่งในบ้านได้ก่อน ดูว่าสวยถูกใจแน่จึงค่อยตัดสินใจซื้อ”

ลูกค้าส่วนใหญ่ชอบในสไตล์การตกแต่งของวิลล่า วิน็อตโต้นั่นหมายถึงจุดแข็งคือจิว และความสามารถของเขาในการมีมุมมองที่แตกต่างจากคนอื่น สาเหตุหนึ่งอาจเพราะจิวไม่ได้จบมาด้านดีไซน์โดยตรง เพราะฉะนั้นก็คิดไม่เหมือนดีไซเนอร์ทั่วไป สิ่งที่ทำให้แตกต่างคือมุมของการมิกซ์แอนด์แมตช์ ที่บวกด้วยความสามารถในการบริหารจัดการสินค้าในคลัง

มาแบบแบลงก์ๆ หรือมาแบบไม่มีแบ็กกราวด์ด้านดีไซน์ แต่ก็ผงาดและหยัดยืนอยู่ในวงการมาได้ถึงวันนี้กว่า 16 ปี จิวบอกว่าเหลือเชื่อตัวเองเหมือนกัน ลูกค้าส่วนใหญ่มาเพราะชอบในสไตล์ที่แตกต่าง การทำงานของเขามุ่งโฟกัสที่ความต้องการของลูกค้า ความชอบและความสนใจ รวมทั้งจะต้องคุยกันอย่างละเอียดในเรื่องความไม่ชอบ ข้อห้าม และข้อกำหนดที่ชัดเจน

จิวบอกว่า เขาไม่เหมือนดีไซเนอร์คนอื่น สไตล์ของเขาคือ More is More ทุกอย่างเลือกเองด้วยตัวเอง ซื้อในสิ่งที่ตัวเองชอบ แปลกแต่สวยจริง ดีจริง มีคุณภาพสูง จับมิกซ์แอนด์แมตช์ได้หมดก็แล้วกัน สำหรับตลาดลูกค้าคนไทย จากประสบการณ์ของเขาคือความชอบในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความเป็นไทย คงเป็นเช่นเดียวกับต่างประเทศที่เวลามาเที่ยวเมืองไทย ชอบกินอาหารไทย ชอบรำไทย และชอบสถาปัตยกรรมไทย

“คนไทยอยู่กับอะไรไทยๆ มากก็คงเบื่อ เหมือนไปต่างประเทศแล้วเราอยากกินของประเทศนั้นๆ ใช้เสื้อผ้าของประเทศนั้นๆ อยู่อาศัยในรูปแบบของสถาปัตยกรรมอื่นๆ บ้าง”

คนไทยกลุ่มลูกค้าของวิลล่า วิน็อตโต้ คือกลุ่มที่อยากแสวงหารสชาติใหม่ๆ แสวงหาความแตกต่าง แสวงหาสุนทรียรสของการอยู่อาศัย คนไทยชอบอิตาเลียนสไตล์ ฮอลลีวู้ดสไตล์ นิวยอร์กเกอร์ และปารีเซียง สไตล์ที่เชื่อว่าจะยังอินเทรนด์ไปอีกนาน สำหรับเขาเองถึงวันนี้มีความสุขแล้วกับการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองมองว่าเหลือเชื่อทุกวี่วัน

เป็นสุข เป็นไท เป็นตัวเอง ณรงค์ชัย จิราพาณิชกุล

 

“ใครอยากก๊อบปี้ก็ก๊อบปี้ไป ใครอยากเดินเข้ามาในร้านผม แล้วอยากก๊อบปี้เอาไปทำผมก็ไม่ว่า ผมถือว่าสิ่งที่ก๊อบปี้ไปไม่ได้คือความเป็นตัวผม”

ด้านความชอบส่วนตัวคือแฟชั่นและความเร็ว จิวชอบแต่งตัว ลึกๆ ไม่ชอบแบรนด์ใหญ่ที่ดังแล้ว เขาชอบแบรนด์เสื้อผ้าเล็กๆ แต่มีคุณภาพและคอยเฝ้าดูการเติบโตของมัน สำหรับเสื้อผ้าในชีวิตประจำวัน บอกไปแล้วใครเขาจะไม่เชื่อ เพราะหนุ่มหน้าจีนใจใหญ่ผู้นี้ใส่กางเกงเลเป็นพื้น กางเกงเลธรรมดาๆ ตัวละ 300 บาท ใส่ไปมาแล้วทั่วโลก

ครั้งหนึ่งกำลังเดินเล่นอยู่บนถนนในนิวยอร์ก คิดอะไรเรื่อยเปื่อยลมฟ้าอากาศ StreetFashion_NYC พวกที่ถ่ายสตรีทแฟชั่นก็แอบมาเก็บภาพไป วันดีคืนดีก็แท็กมาให้ เป็นภาพที่เจ้าตัวอธิบายว่า ใส่หมวกแข็งทรงสูงสีดำ กางเกงเลสีดำ เสื้อยืดสีขาวคอกลม และมีกิมมิกเป็นผ้าพันคอเท่ๆ ลายเทาดำอีกหนึ่งผืน ส่วนเสื้อใช้ยี่ห้อ Ron Abraham ซึ่งเป็นบูติกเล็กๆ ในฝรั่งเศส ซื้อเฉพาะสีขาวและสีดำเท่านั้น

“ผมชอบเสื้อยืดยี่ห้อนี้และใส่แต่ยี่ห้อนี้ เพราะผ้าดีแบบสุดๆ ใส่สบายมาก ซื้อทีละ 10 ตัว และซื้อทุกครั้งที่แวะฝรั่งเศส”

สำหรับความเร็วและความแรงในชีวิต คือรถยนต์ ซึ่งบ้าเข้าเลือด ชอบมากคือยนตรกรรมคลาสสิก แต่ที่ชอบที่สุดก็คือ ปอร์เช่ รถที่มีเทคโนโลยีผสานกับดีไซน์อย่างลงตัวที่สุด นอกเหนือจากรถตู้คันใหญ่สำหรับครอบครัวแล้ว จึงคือ ปอร์เช่ประจำตัวจำนวน 3 คัน รุ่น 911 SC 993 Cabriolet CAYMAN S สีชมพู สีส้ม และสีฟ้า ซึ่งเป็นคันเดียวที่เปิดประทุน

ด้านชีวิตส่วนตัว ปัจจุบันจิวเป็นแฟมิลี่แมนตัวยง สามี และพ่อของน้องเท็ด วัย 3 ขวบ 8 เดือน และน้องไท วัย 1 ขวบ 8 เดือน สาเหตุและที่มาของชื่อลูกชายคนเล็ก คือการประชุมใหญ่ครอบครัวในขณะที่ภรรยากำลังตั้งครรภ์ มารดาของเขาประกาศว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะเติบโตและเป็นอิสระในการจัดการชีวิตของตัวเอง กงสีจัดสรรอย่างเป็นธรรม ลูกชายได้ชื่อว่าไท เพราะคุณพ่อรู้สึกถึงอิสรภาพและความสุขนั่นเอง

“ผมเวิร์กฮาร์ดและเพลย์ฮาร์ด ชีวิตเป็นแบบนี้มาตลอด แต่ตอนนี้เป็นแฟมิลี่แมน ส่งลูกเข้านอนทุกคืน เมื่อก่อนเป็นคนเครียด แต่ผมพยายาม ผมปรับตัว ยกมือไหว้ขอบคุณทุกอย่างสำหรับความสุขและความเป็นตัวเองในวันนี้”