posttoday

"หุ้นปันผล" มั่นคง เติบโต

18 มกราคม 2560

หุ้นปันผลสูง จะช่วยให้พอร์ตมีความเสี่ยงน้อยลง โดยในช่วงที่ผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหุ้นไม่สดใส

หุ้นปันผลสูง จะช่วยให้พอร์ตมีความเสี่ยงน้อยลง โดยในช่วงที่ผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหุ้นไม่สดใส

อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2560 เติบโต 3-4% และให้ดัชนีเป้าหมาย 1,570-1,650 จุดธีมและกลยุทธ์การลงทุนประกอบด้วย การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและบาทอ่อน

การขยายตัวในประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) และอินโดนีเซีย และการท่องเที่ยวฟื้นตัว ส่วนกลยุทธ์เน้นการจัดพอร์ตเป็น 3 กลุ่มย่อย คือ หุ้นปันผลสูง หุ้นมั่นคง และหุ้นเติบโต

ทั้งนี้ หุ้นปันผลสูง จะช่วยให้พอร์ตมีความเสี่ยงน้อยลง โดยในช่วงที่ผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหุ้นไม่สดใส ก็ยังมีเงินปันผลรับเข้ามาสม่ำเสมอต่อเนื่อง ส่วนหุ้นมั่นคงจะทำให้มีสินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพและเติบโตอย่างยั่งยืน

สำหรับหุ้นเติบโตนั้น สร้างโอกาสที่จะได้รับกำไรจากส่วนต่างราคา เพราะอัตราเติบโตกำไรต่อหุ้นเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นที่สำคัญมาก

ดังนั้น หุ้นแนะนำของเดือน ม.ค. 2560 ประกอบด้วย หุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย (AOT) บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) บริษัท ทิสโก้ ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) หุ้นม้ามืดเป็นบริษัท ช.การช่าง (CK) บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD)

ทั้งนี้ คาดว่ากำไรปี 2560 (ปิดงวด ก.ย. 2559) ของ AOT จะเติบโต 15% จาก 4.5% ปีก่อน เพราะกำลังรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวเติบโต บริษัทจะแตกพาร์เป็น 1 บาทในสิ้นเดือน ม.ค. 2560 คาดสภาพคล่องซื้อขายจะเพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี

สำหรับ ERW การปรับปรุงประสิทธิภาพและการเปิดโรงแรม Hop Inn ใหม่ 3 แห่ง (ในประเทศ 2 และฟิลิปปินส์ 1) ช่วยให้ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น คาดอัตราเติบโตกำไรต่อหุ้นปี 2560 กว่า 30% เชื่อว่าบริษัทจะไม่ขาดทุนในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวอีก

ด้าน TISCO การเข้าซื้อธุรกิจรายย่อย SCBT ทำให้สินเชื่อปี 2560 เติบโต 15% มีฐานลูกค้าสินเชื่อและเงินฝากเพิ่มขึ้น 4 แสนราย และ 3 แสนราย ตามลำดับ ขณะที่อัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จะลดลงเหลือ 2.6% จาก 3% เป็นผลจากหนี้ SSITH กลับมาเป็นปกติในไตรมาสแรกปี 2560

SCC จะได้อานิสงส์ทางบวกจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐ อุปสงค์ซีเมนต์พลิกเป็นเติบโตได้ในปี 2560 จากติดลบในปี 2559 ด้านส่วนต่างราคาวัตถุดิบและราคาขาย (สเปรด) ของโอเลฟินส์ยังแข็งแกร่ง ผลตอบแทนจากการลงทุนต่างประเทศดีขึ้นเป็นลำดับ นับเป็นหุ้นมั่นคงที่น่าสนใจ

CK การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐคืบหน้าและเป็นรูปธรรมขึ้น ซึ่ง CK เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างใหญ่ที่มีโอกาสจะได้งานใหม่เข้ามาต่อเนื่อง บริษัทมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) บริษัท ซีเค พาวเวอร์ (CKP) เข้ามาช่วยหนุน ทำให้ผลกำไรบรรทัดสุดท้ายดีขึ้น และมีเสถียรภาพมากขึ้น

GLOBAL ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มดีขึ้น หลังราคาสินค้าเกษตรในต่างจังหวัดซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทฟื้นตัวหลังผ่านพ้นปัญหาภัยแล้ง บริษัทปรับช่องทางการซื้อสินค้าทำให้มีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ดีขึ้น และมีแผนขยายธุรกิจไปในกัมพูชาที่มีความต้องการที่เติบโตแข็งแกร่ง

SAWAD การเข้าซื้อกิจการบริษัทเงินทุน กรุงเทพธนาทร (BFIT) เป็นบวก โดยสามารถขยายฐานลูกค้าขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ได้ จากปัจจุบันที่มีแต่สินเชื่อรายย่อย ต้นทุนการเงินจะลดลงเพราะระดมเงินฝากจากประชาชนได้ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญ และเปิดโอกาสให้บริษัทเติบโตได้มากขึ้นในระยะกลาง-ยาว

สำหรับความเสี่ยงในการลงทุนหุ้นเหล่านี้ คือ ประการแรก ผิดหวังกับมาตรการของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ทำให้เศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) สหรัฐไม่ได้เติบโตดีอย่างที่คาด ประการที่สอง ตลาดหุ้นสหรัฐอยู่ในโซนสูง ประการที่สาม ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจำกัด เพราะประเทศผู้ผลิตน้ำมันลดปริมาณการผลิตน้อยกว่าที่ตกลงกันไว้ หรือใช้เวลาในการลดการผลิตมากกว่าที่กำหนดไว้ ประการที่สี่ การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐของไทยคืบหน้าช้ากว่าคาด