posttoday

ส่องพอร์ตลงทุนไตรมาส 2

26 เมษายน 2560

โดย...วิภาสิริ เกษมศุข ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บลจ.ธนชาต

โดย...วิภาสิริ เกษมศุข ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บลจ.ธนชาต

เหมือนโลกจะหมุนเร็วขึ้นทำให้เราผ่านไตรมาสแรกของปี 2560 ไปอย่างรวดเร็ว หากยังจำกันได้ ปีนี้เริ่มต้นกับความคาดหวังว่าจะเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของตลาดหุ้นไทย เพราะภาพรวมเศรษฐกิจบ้านเรามีแนวโน้มน่าจะขยายตัวได้ดีขึ้น แม้จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป จากการฟื้นตัวของการส่งออกและการบริโภค รวมทั้งยังรอปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนภาครัฐ แล้วตลาดหุ้นไทยก็ปิดไตรมาสแรกด้วยการปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 2%

พอก้าวเข้าสู่ไตรมาส 2 มุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากตอนต้นปีมากนัก แม้จะไม่เห็นปัจจัยบวกที่เด่นชัด แต่ข่าวดีคือตลาดหุ้นไทยไม่มีปัจจัยลบใดที่ชัดเจนเช่นกัน ทำให้คาดว่า SET Index ในไตรมาส 2 นี้น่าจะแกว่งตัวในกรอบ และมีโอกาสที่จะพักฐานได้บ้าง ซึ่งจะเป็นจังหวะที่ทยอยเข้าลงทุนเพิ่มได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับพอร์ตการลงทุนที่สามารถทนกับความผันผวนในช่วงสั้นได้ เรายังเห็นว่าการลงทุนหุ้นไทยน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตราสารหนี้ไทยในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยยังต่ำอยู่เช่นนี้

สำหรับการลงทุนต่างประเทศ เราเริ่มต้นปีด้วยความกังวลกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ทำให้มุมมองการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศดูจะไม่ค่อยน่าสนใจนัก เพราะหากเฟดขยับดอกเบี้ยขึ้นอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้จะขยับขึ้นตาม นั่นหมายถึงความผันผวนในตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศรวมทั้งความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศด้วย แต่ในไตรมาส 2 นี้คาดว่าตราสารหนี้ต่างประเทศจะชะลอความผันผวนลงได้ในช่วงสั้น เพราะความกังวลเรื่องเฟดสะท้อนในตลาดไปมากแล้ว ประกอบกับนักลงทุนเริ่มเห็นว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ อาจไม่สามารถผลักดันนโยบายต่างๆ ได้เร็วตามที่เคยคาดหวังกันไปล่วงหน้า ส่งผลให้เงินเหรียญสหรัฐกลับมาอ่อนค่าลงก่อนจะถึงรอบที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในครั้งถัดไป ซึ่งน่าจะเป็นช่วงปลายไตรมาส 2 นี้

ในส่วนของตลาดหุ้นต่างประเทศในไตรมาสแรกนั้น โดยรวมแล้วให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดี MSCI AC World Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 6% จากเม็ดเงินที่เข้าลงทุนเพราะคาดหวังกับการเติบโตของผลกำไรในหุ้น หลังจากเห็นการเร่งตัวขึ้นของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อทั่วโลก แต่ประเด็นที่ต้องติดตามคือ ปัจจัยที่เคยผลักดันให้ตลาดหุ้นโลกโดยรวมปรับตัวดีขึ้น หากไม่เป็นไปตามที่นักลงทุนเคยคาดการณ์ไว้ เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ ที่อาจออกมาต่ำกว่าคาด หรือทิศทางการเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อที่อาจชะลอลงในไตรมาส 2 นี้ ก็จะทำให้ตลาดหุ้นโลกพักตัวได้เช่นกัน

สำหรับไตรมาสแรกนั้น ทองคำเป็นอีกสินทรัพย์หนึ่งที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าที่เราคาด นั่นเป็นเพราะผลพวงของการที่เงินเหรียญสหรัฐกลับมาอ่อนค่าลงเป็นหลัก สุดท้ายแล้วเราคิดว่าราคาทองคำน่าจะกลับมาแกว่งตัวในกรอบ และการผสมผสานทองคำในพอร์ตการลงทุนบ้างในสัดส่วนประมาณ 5% ก็น่าจะเป็นแนวทางในการป้องกันความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนได้

ให้น้ำหนักในหุ้นเป็นสัดส่วนหลักของพอร์ตการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนที่รับความผันผวนในระยะสั้นได้ โดยมีหุ้นไทยในสัดส่วนมากที่สุด และมีหุ้นต่างประเทศในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกโดยอาจใช้จังหวะที่ตลาดหุ้นพักฐานเพื่อเข้าลงทุนเพิ่ม เพื่อหวังผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว นอกจากนี้อาจผสมผสานตราสารหนี้ในประเทศและทองคำบางส่วน เพื่อช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน

สำหรับพอร์ตแนะนำในไตรมาสนี้ จะเห็นได้ว่าในพอร์ตสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง เราจะแนะนำให้ลงทุนในหุ้นไทยมากหน่อย เพราะแม้จะต้องเผชิญกับความผันผวนบ้าง แต่ก็ย่อมสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่มากกว่าจำกัดตัวเองลงทุน แต่ในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว หากท่านผู้อ่านสนใจการจัดพอร์ตลงทุนของ บลจ.ธนชาต ซึ่งมีการอัพเดทเป็นรายไตรมาส สามารถติดตามได้ทางหน้าเว็บไซต์ของ บลจ.ธนชาต www.thanachartfund.com หรือหากเป็นลูกค้าของ บลจ.ธนชาต ก็จะได้รับข้อมูลนี้ผ่านทางอีเมลด้วยเช่นกัน