posttoday

อี-คอมเมิร์ซ 2.0 จับตามองนาทีทองผู้ประกอบการ

12 พฤษภาคม 2560

นี่คือยุคทองของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซเลยก็ว่าได้ เพราะสร้างโอกาสมากมายให้แก่ผู้ประกอบการ

โดย...ธนาวัฒน์ มาลาบุปผา ECOMMERCE COACH คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาคมอีคอมเมิร์ซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์

หลายท่านคงได้ยินคำว่าอี-คอมเมิร์ซ 2.0 ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า นี่คือยุคทองของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซเลยก็ว่าได้ เพราะสร้างโอกาสมากมายให้แก่ผู้ประกอบการ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียโอกาส เรามาดูกันครับว่าปัจจุบันอี-คอมเมิร์ซ 2.0 เปลี่ยนแปลงจากยุค 1.0 อย่างไรบ้าง แล้วเคล็ดลับอะไรที่จะทำให้เราได้ประโยชน์สูงสุดจากอี-คอมเมิร์ซ 2.0

อี-คอมเมิร์ซ 1.0 ยุคแห่งการเริ่มต้น เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการเข้ามาของอินเทอร์เน็ตราวต้นยุค 90 ซึ่งสมัยนั้นผู้บริโภคยังขาดความเชื่อมั่นในการซื้อสินค้าออนไลน์ แต่ด้วยความที่ eBay สามารถตอบโจทย์ความต้องการอันหลากหลายของผู้บริโภคได้ตรงจุด ส่วน Amazon ก็มีสินค้าให้เลือกมากมาย จึงกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันดุเดือดระหว่างร้านค้าปลีกในท้องถิ่นกับสองเว็บไซต์ดังกล่าว

อี-คอมเมิร์ซ 2.0 การเติบโตของเทคโนโลยี และแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่ทำให้การเป็นเจ้าของเว็บอี-คอมเมิร์ซทำได้ง่ายในไม่กี่คลิก ในยุคแห่งอี-คอมเมิร์ซ 2.0 เราจึงได้เห็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น การเข้ามาของโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก หรืออินสตาแกรม ก็ยังส่งผลให้เกิดการตลาดรูปแบบใหม่อย่างโซเชียลคอมเมิร์ซ โดยอาศัยผู้ใช้โซเชียลมีเดียช่วยแชร์ และกระจายข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าและบริการ

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในยุคอี-คอมเมิร์ซ ยังได้บีบให้ยักษ์ใหญ่ในตลาดอี-คอมเมิร์ซต้องปรับตัวเช่นกัน ด้วยการพัฒนานวัตกรรมและบริการใหม่ออกมาเรื่อยๆ เช่น Amazon ตั้งแต่ปี 2005 ได้ประกาศตัวบริการใหม่อย่าง Amazon Prime หรือโปรแกรมที่ให้สมาชิกสามารถเข้าถึง Streaming Video เพลง อีบุ๊กส์ และบริการขนส่งฟรี ซึ่งลูกค้าสามารถชำระค่าบริการเป็นรายปี หรือรายเดือน เพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ

ปลายปี 2015 ร้านหนังสือแห่งแรกของ Amazon ได้เปิดตัวขึ้นในซีแอตเทิล โดยปรับตัวจากโลกออนไลน์มาสู่โลกจริง (Physical World) ถัดมาอีกปี ก็มีข่าวเตรียมเปิดตัวร้านค้าอัจฉริยะในปี 2017 ในชื่อว่า Amazon Go ร้านค้าที่รวมเอา AI เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า

ปัจจุบันประเทศไทยยังมีนโยบายที่ช่วยปรับปรุงภาพรวมของเศรษฐกิจ และแน่นอนว่าจะส่งผลดีกับอี-คอมเมิร์ซ ดังเช่นโมเดลประเทศไทย 4.0 ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิมไปสู่การเป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรม และใส่ความคิดสร้างสรรค์เข้าไป จากการเกษตรดั้งเดิม เป็นเกษตรสมัยใหม่ที่เน้นการบริหารจัดการ และนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยต่อยอดจาก SMEs ไปเป็น Smart Enterprises และ Startup ที่มีศักยภาพสูง จากภาคบริการที่มีมูลค่าต่ำไปเป็น High Value services จากแรงงานทักษะต่ำไปเป็นแรงงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ

3 สิ่งที่ควรรู้เพื่อผลประโยชน์สูงสุดในยุคอี-คอมเมิร์ซ 2.0

1.ลงทุนสร้างตัวตนบนโลกดิจิทัลของตัวเอง การมีเว็บไซต์ที่ดี ก็เปรียบเสมือนการมีหน้าร้านที่สวยงาม เพราะเว็บไซต์เป็นสิ่งที่ช่วยให้เรากระจายสินค้า ทำการตลาด และเติมเต็มความต้องการของลูกค้า และยังถือเป็นการลงทุนที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ

2.ใช้พลังของโซเชียลมีเดียอย่างเต็มศักยภาพ โซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊กกลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดหนึ่งที่สำคัญไปแล้ว ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่ทำธุรกิจออฟไลน์ ก็ยังใช้ช่องทางนี้เพื่อเข้าสู่โลกออนไลน์ แต่เราควรจะต้องสร้างฟอลโลเวอร์ที่มีคุณภาพควบคู่ไปด้วยจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด และหมั่นตรวจสอบกล่องข้อความ ตอบคำถาม ตลอดจนคอมเมนต์ต่างๆ จากลูกค้าด้วย

3.“ลูกค้า” คือสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุด เราควรที่จะวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และ Customer Journey ของลูกค้าแต่ละกลุ่ม ผ่านการเก็บข้อมูลสมาชิก หรืออีเมลจะเป็นประโยชน์มากถ้าเราสามารถรู้ได้ว่าจริงๆ แล้วลูกค้าของเราต้องการอะไรทำยังไงให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ เพื่อเอามาต่อยอดในการขาย และช่วยอัพยอดขายต่อไป เพราะสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดในโลกยุคดิจิทัลคือฐานลูกค้า และข้อมูลลูกค้า

เรียกได้ว่า ยุคอี-คอมเมิร์ซ 2.0 นั้น เป็นนาทีทองสำหรับผู้ประกอบการออนไลน์ โดยอาศัยการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจให้เป็นไปตามสมัยและนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพื่อพยายามถีบตัวเองให้เหนือคู่แข่ง

โอกาสอันดีมาถึงแล้วครับ อย่านิ่งนอนใจ ลงมือทำไปพร้อมกันนะครับ