ขสมก.เร่งจัดหารถเมล์เอ็นจีวี489คันภายในสิ้นปีนี้

ขสมก. เด้งรับ "บิ๊กตู่" เร่งจัดหารถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน การันตีมีรถใหม่วิ่งให้บริการเป็นของขวัญประชาชนแน่

นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เร่งให้กระทรวงคมนาคมจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีกว่า 400 คัน ให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนว่า ในวันที่ 23 ส.ค.นี้ จะนำเรื่องดังกล่าวหารือในการประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก.ด้วย เพื่อขอแนวทางการดำเนินงาน ให้เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามสำหรับโครงการจัดซื้อรถโดยสารประจำทางที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (เอ็นจีวี) พร้อมซ่อมแซม และบำรุงรักษา จำนวน 489 คันนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยเปิดขายซองไปแล้วตั้งแต่วันที่ 7-11 ส.ค.ที่ผ่านมา มีบริษัทเอกชนสนใจซื้อซองประกวดราคาทั้งหมด 3 ราย

นายประยูร กล่าวว่า ในวันที่ 24 ส.ค.นี้ จะเปิดให้เอกชนยื่นซองประกวดราคา และเคาะอีอ็อกชั่น วันที่ 8 ก.ย. เมื่อได้บริษัทเอกชนที่ชนะแล้วจะนำเสนอให้คณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก. อนุมัติเห็นชอบ คาดว่าจะลงนามสัญญาได้ภายในเดือน ก.ย. จากนั้นส่งมอบรถภายใน 90 วัน จึงน่าจะได้รถภายในปลายเดือนธ.ค. 60 ดังนั้นจะมีรถเมล์ใหม่เข้ามาวิ่งให้บริการประชาชนในช่วงปีใหม่นี้ได้ทันพอดี อย่างไรก็ตามสำหรับกรณีที่บริษัท เบสท์รินกรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นผู้ชนะในโครงการดังกล่าวครั้งที่ผ่านมา และได้เข้าซื้อซองประกวดราคาด้วยนั้น ก็ต้องพิจารณาว่าปฏิบัติตามระเบียบพัสดุอย่างถูกต้องหรือไม่เช่น ต้องไม่เป็นผู้ทิ้งงาน ไม่ถูกขึ้นบัญชีดำ เป็นต้น หากปฏิบัติตามระเบียบถูกต้องก็มีสิทธิ์เหมือนกับบริษัทอื่นทั่วไป

ด้านนายสมศักดิ์ ห่มม่วง ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เมื่อครั้งที่ตนดำรงตำแหน่งรักษาการ ผอ.ขสมก. นั้น ได้ทำหนังสือบอกเลิกสัญญากับบริษัท เบสท์รินฯ และได้แจ้งว่าเป็นผู้ทิ้งงานด้วย แต่ทางฝ่ายอนุกฎหมายของ ขสมก. แจ้งว่าควรต้องให้บริษัท เบสท์รินฯ ได้มาชี้แจงก่อน ดังนั้นนายยุกต์ จารุภูมิ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร ในฐานะรักษาการ ผอ.ขสมก. จึงได้ยกเลิกคำสั่งว่าเป็นผู้ทิ้งงาน และยกเลิกการขึ้นบัญชีดำบริษัท เบสท์รินฯ ไปแล้ว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีอยากให้จัดรถประมาณ 1,000 คัน โดยประกอบภายในประเทศนั้น มีความเป็นไปได้ ซึ่งขณะนี้ ขสมก. มีแผนจัดหารถเมล์ใหม่ แบ่งเป็น รถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน รถเมล์ไฟฟ้า (อีวี) 200 คัน รถเก่าที่อยู่ในสภาพดีที่สามารถนำมาปรับปรุงใหม่ 646 คัน และรถใหม่ 1,665 คัน โดยกลุ่มรถใหม่นี้น่าจะสามารถดำเนินการให้เกิดการประกอบรถภายในประเทศได้ แต่ตัวเครื่องยนต์ และคัซซี่อาจต้องนำเข้า ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอุตสาหกรรม และการจ้างงานในประเทศได้ โดยอาจต้องทยอยทำ 6 เดือนแรก 1 ลอต ดังนั้นประมาณ 1 ปีครึ่ง หรือ 2 ปี ก็จะได้รถใหม่กลุ่มนี้ทั้งหมด