สมคิดยังคงเป้าส่งออกโต5%แม้หลายฝ่ายห่วงผลBrexit

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดส่งออกไปอียูหดตัว 7 แสนล้าน ธสน.ห่วงสินค้าฟุ่มเฟือยไทย บริษัทปลาทูน่าไทยซื้อกิจการฝรั่งเศสไม่ได้เปรียบตลาดยูเค

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ  เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดที่จะปรับเป้าหมายการส่งออกของปีนี้ที่กำหนดไว้จะขยายตัว 5% แม้หลายฝ่ายจะเป็นห่วงผลกระทบจากผลการลงประชามติของสหราชอาณาจักรออกจากสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) หรือ Brexit เนื่องจากประเทศไทยจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก  ผลกระทบส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นจะอยู่ในกลุ่มยุโรปและไม่อยากให้เป็นเรื่องที่ต้องกังวล

“ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เตรียมรับมือมาก่อนหน้านี้ 2-3 สัปดาห์ ดังนั้นไทยไม่ควรไปตื่นตัวตามมากนัก และเชื่อความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในช่วงระยะสั้นๆ เท่านั้น” นายสมคิด กล่าว

ด้าน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าผลกระทบจาก Brexit จะทำให้การส่งออกไทยไปอียูรวมสหราชอาณาจักร (ยูเค) ปี 2559 อาจจะหดตัวลง1.2-4.4% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 2.13-2.17 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7.45-7.59 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยธุรกิจธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) กล่าวว่า ผลกระทบการส่งออกสินค้าของไทยจาก Brexit ในระยะสั้นค่าเงินปอนด์จะมีแนวโน้มอ่อนค่าลง จะทำให้ราคาสินค้านำเข้าไปสหราชอาณาจักรแพงขึ้นและบั่นทอนความต้องการบริโภคสินค้าโดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟื อย ซึ่งสินค้าไทยคาดว่าจะได้รับผลกระทบระยะสั้น ได้แก่ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และส่วนประกอบ โดยเฉพาะรถบิ๊กไบค์  ไก่แปรรูป  และการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ อาจจะเสียความได้เปรียบในการส่งออกไปในตลาดยูเค โดยเฉพาะปลาทูน่ากระป๋องก็น่าจะได้รับผลกระทบ เนื่องจากปัจจุบันผู้ผลิตอาหารทะเลกระป๋องรายใหญ่ของไทยเข้าไปซื้อกิจการโรงงานผลิตปลากระป๋องรายใหญ่ในฝรั่งเศส และมีสหราชอาณาจักรเป็นตลาดจำหน่ายสำคัญ ดังนั้น Brexit จะทำให้ความได้เปรียบการส่งสินค้าจากฝรั่งเศสไปสหราชอาณาจักรลดลง ในขณะเดียวกันไทยก็อาจจะส่งออกไก่แปรรูปและข้าวโพดหวานกระป๋องไปยูเคได้มากขึ้น