posttoday

เอ็มจีซี-เอเชียเปิดเกมรุก ลุยเทกโอเวอร์ในอาเซียน

11 กุมภาพันธ์ 2559

ตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ผ่านมาของธุรกิจในกลุ่มบริษัท เอ็มจีซี-เอเชีย มีการเติบโตต่อเนื่องโดยใช้กลยุทธ์ Synergy Growth Strategy

โดย..พลพัต สาเลยยกานนท์

ตลอดระยะเวลา 3 ปี (2556-2558) ที่ผ่านมาของธุรกิจในกลุ่มบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย มีการเติบโตต่อเนื่องโดยใช้กลยุทธ์ Synergy Growth Strategy ส่งผลให้มีการเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี โดยแผนระยะยาวจากนี้ 5 ปี (2559-2563) บริษัทมีเป้ารายได้เติบโตเป็น 5 หมื่นล้านบาท

สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) เปิดเผยว่า จากทิศทางการเติบโตของธุรกิจโดยเฉพาะในกลุ่มภูมิภาคอาเซียน บริษัทมองเห็นการเติบโตจึงได้ปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจโดยเน้นการเข้าซื้อธุรกิจ (เทกโอเวอร์) เพื่อบรรลุเป้าหมายทั้งในและต่างประเทศ

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทได้มีการเจรจาทางธุรกิจกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายรายในรูปแบบการเป็นผู้แทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) และการเป็นผู้นำเข้ารถยนต์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในปี 2558 ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการเข้าซื้อกิจการของ บริษัท ซัมมิท ฮอนด้า ออโตโมบิล มูลค่าราว 1,000 ล้านบาทในช่วงกลางปีที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อธุรกิจของผู้แทนจำหน่ายรถยนต์แบรนด์ นิสสัน ในปีนี้

สำหรับปี 2558 บริษัทมีรายได้รวมของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 2.15 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อน 30% โดยปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของการเข้าซื้อธุรกิจดังกล่าว รวมถึงการเชื่อมโยงธุรกิจภายในเครือบริษัทใน 8 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1.กลุ่มรถยนต์ใหม่ ประกอบด้วย โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก, แอสตัน มาร์ติน แบงคอก, มิลเลนเนียม ออโต้ (ผู้แทนจำหน่าย บีเอ็มดับเบิลยู และ มินิ) และพัฒนาการฮอนด้า 2.กลุ่มรถยนต์มือสอง ประกอบด้วย บีเอ็มดับเบิลยู พรีเมียม ซีเล็คชั่น และ มินิ เน็กซ์, ฮอนด้าเซอร์ติฟายยูสคาร์, มาสเตอร์ เซอร์ทิฟายด์ยูสคาร์ส

กลุ่มที่ 3.กลุ่มธุรกิจรถเช่า ประกอบด้วย มาสเตอร์คาร์เร้นเทิล (รถเช่าระยะยาว) และ ซิกท์ เรนท์ อะ คาร์ (รถเช่าระยะสั้น) 4.กลุ่มธุรกิจอาฟเตอร์มาร์เก็ต ประกอบด้วย มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส (เอ็มเอ็มเอส) 5.ธุรกิจโบรกเกอร์ประกันภัย ในนามบริษัท แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์

กลุ่มที่ 6.ธุรกิจให้บริการศูนย์สารสนเทศ ในนามบริษัท ไอ ทเวนตี้โฟร์ (i24) 7.ธุรกิจศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมบุคลากร ในนาม มาสเตอร์ ออโตโมทีฟ เทรนนิ่งเซ็นเตอร์ (MAT) และ 8.ธุรกิจเรือสำราญ อะซิมุท ไทยแลนด์

ขณะที่ในปี 2559 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตขึ้น 30% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท วางนโยบายการขยายธุรกิจในเครือของบริษัทสู่อาเซียนรองรับการเปิดเสรีเขตเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) โดยเฉพาะประเทศ ลาว มาเลเซีย เวียดนาม โดยใช้ธุรกิจรถเช่าและธุรกิจอาฟเตอร์มาร์เก็ตเป็นธุรกิจนำในการขยายตลาด

นอกจากนี้ สัดส่วนรายได้หลักของบริษัท 60% เป็นส่วนของการขายรถยนต์ และ 40% เป็นสัดส่วนรายได้ที่มาจากการบริการ ขณะที่ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ต่ำกว่า 10% ของรายได้รวมต่อปี โดยมีเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 30% ในปี 2563 จากแผนการรุกธุรกิจของบริษัทดังกล่าว

สัณหวุฒิ กล่าวว่า การลงทุนในปี 2559 บริษัทเตรียมใช้เงินลงทุนมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ในนาม “เอ็มจีซี-เอเชีย ออโต้เพล็กซ์” ที่ประกอบไปด้วย โชว์รูม โรลส์-รอยซ์, แอสตัน มาร์ติน, เรือยอชต์ อะซิมุท, บีเอ็มดับเบิลยู และ มินิ, รถยนต์มือสอง, ศูนย์ซ่อมสีและตัวถังครบวงจร ที่ ภูเก็ต และหาดใหญ่ ภายในปีนี้

“อีกส่วนสำคัญในปีนี้คือ การได้รับมอบหมายจากบริษัทแม่ แอสตัน มาร์ติน ที่มอบหมายให้ประเทศไทยดูแลตลาดเวียดนาม เมียนมา และกัมพูชา ซึ่งในปีนี้บริษัทจะขยายสู่ตลาดเวียดนามเป็นแห่งแรก”

อนึ่ง การเปิดเออีซีถือเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งบริษัทได้บริหารความเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น พร้อมทั้งเชื่อว่านโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลจะสามารถกระตุ้นกำลังซื้อ และสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนต่อประเทศไทยได้ นอกจากนี้ยังมองโอกาสการขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคอื่นๆ ต่อไปในอนาคต