posttoday

ยุโรปเอาจริงคุมภาษี ผลพวง "ปานามาเปเปอร์ส"

13 เมษายน 2559

เอกสาร ปานามา เปเปอร์ส ได้สร้างความสั่นสะเทือนอย่างหนักยิ่งกว่า วิกิลีกส์ ทั้งในแวดวงการเมืองและธุรกิจทั่วโลก

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์

เอกสาร ปานามา เปเปอร์ส ได้สร้างความสั่นสะเทือนอย่างหนักยิ่งกว่า วิกิลีกส์ ทั้งในแวดวงการเมืองและธุรกิจทั่วโลกเกี่ยวกับการเลี่ยงภาษี ผ่านการจัดตั้งบริษัทนอกอาณาเขต (ออฟชอร์) หรือเข้าไปเปิดบัญชีธนาคารในประเทศที่มีฐานภาษีต่ำกว่าหรือไม่มีการเก็บภาษี มีกฎหมายป้องกันความลับทางการเงิน และไม่เคยแลกเปลี่ยนข้อมูลทางภาษีกับประเทศอื่น

ภายหลังจากที่มีการเปิดโปงเอกสารดังกล่าวเพียงไม่กี่วัน ประเทศต่างๆ อาทิ เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ สเปน นอร์เวย์ สวีเดน ยูเครน ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ และคอสตาริกา เร่งดำเนินการสืบสวนข้อมูลดังกล่าวทันที

ล่าสุด คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) เผยมาตรการเพิ่มการกำกับดูแลด้านกฎหมายทางภาษีให้เข้มงวดและโปร่งใสมากยิ่งขึ้น สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับภาษีของบรรดาบริษัทข้ามชาติในทวีปยุโรป

มาตรการดังกล่าวเรียกร้องให้บริษัทข้ามชาติรายใหญ่ที่ดำเนินการในยุโรป ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลกำไรของบริษัท ยอดขายทั้งหมด กำไรก่อนหักภาษี รายได้สะสม และรายละเอียดการเสียภาษีในแต่ละประเทศ ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้กับบริษัทข้ามชาติราว 6,500 แห่งในยุโรป เป็นบริษัทเอเชียราว 1,000 แห่ง และคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้นมากกว่า 750 ล้านยูโร (ราว 3 หมื่นล้านบาท)

นอกจากนี้ บริษัทเหล่านี้ยังต้องแจงรายละเอียดการเสียภาษีแก่ประเทศนอกทวีปยุโรปด้วย โดยเฉพาะในประเทศที่มีปัญหาในการเสียภาษี โดยบริษัทต้องเผยแพร่ข้อมูลการเสียภาษีบนเว็บไซต์ของบริษัทเป็นระยะเวลา 5 ปี

ขณะเดียวกัน ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) เห็นชอบให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางภาษีระหว่างประเทศ จัดตั้งคณะกรรมการสืบสวนกรณีการเลี่ยงภาษีในแต่ละประเทศ และออกมาตรการป้องกันการถูกกัดกร่อนฐานภาษีและการโอนกำไรไปทางต่างประเทศ (บีอีพีเอส) โดยเฉพาะการโอนกำไรไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำกว่า

โจนาธาน ฮิล คณะกรรมการเสถียรภาพทางการเงินของอีซี ระบุว่า มาตรการดังกล่าวไม่ได้มีขึ้นเพื่อตอบสนองข้อมูลลับจากเอกสาร ปานามา เปเปอร์ส แต่เป็นความพยายามในการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างความโปร่งใสทางภาษีและแหล่งเลี่ยงภาษี

อย่างไรก็ดี โทฟ มาเรีย ไรดิ้ง ผู้เชี่ยวชาญทางภาษีของ ยูโรเปียน เน็ตเวิร์ก ออน เด็บ แอนด์ ดีเวลลอปเมนต์ (ยูโรแดด) เครือข่ายวิจัยประเด็นหนี้ ระบบการเงิน และการแก้ปัญหาความยากจน ระบุว่า ตราบใดก็ตามที่มาตรการดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมทุกประเทศ บริษัทข้ามชาติเหล่านี้จะยังคงมีช่องว่างในการหลบหลีกภาษีและหลบซ่อนผลกำไร

ที่ผ่านมา ยุโรปถือเป็นทวีปที่มีการเลี่ยงภาษีมูลค่ามหาศาล โดยในปี 2012 นิวยอร์กไทมส์ เปิดเผยว่า แอปเปิ้ล บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ตั้งใจเลี่ยงภาษีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยการเปิดสำนักงานใหญ่ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน และเมืองอื่นๆ ที่มีอัตราภาษีต่ำ

ในปี 2014 เครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (ไอซีไอเจ) เปิดเผยว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก อาทิ เป๊ปซี่, พร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (พีแอนด์จี), เบอร์เบอร์รี่, อิเกีย, ดอยช์แบงก์, เฟสเอ็กซ์, เจพี มอร์แกน, เฟซบุ๊ก, เอชเอสบีซี, ไมโครซอฟท์, สตาร์บัคส์ และไฮนซ์ หลีกเลี่ยงภาษีมูลค่ารวมนับแสนล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยการเสียภาษีให้สวรรค์แห่งการเลี่ยงภาษีอย่าง ลักเซมเบิร์ก จากการช่วยเหลือของ ไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส (พีดับเบิลยูซี) บริษัทตรวจสอบบัญชียักษ์ใหญ่

ผลจากการเลี่ยงภาษีส่งผลให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐอย่าง กูเกิล ต้องเสียภาษีย้อนหลัง 6 ปีให้กับรัฐบาลอังกฤษ 130 ล้านปอนด์ (ราว 6,500 ล้านบาท) และจ่ายภาษีย้อนหลังให้กับรัฐบาลฝรั่งเศส 1,600 ล้านยูโร (ราว 6.41 หมื่นล้านบาท) หลังพบความผิดปกติในการเสียภาษีของกูเกิลที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปกติมาก

นอกจากบรรดาบริษัทชั้นนำของโลกจะนิยมเลี่ยงภาษีในยุโรปแล้ว ล่าสุด หนังสือพิมพ์ซุดดอยช์ ไซตุง ในเยอรมนี หัวเรือใหญ่ในการเปิดโปงเอกสาร ปานามา เปเปอร์ส เปิดเผยว่า สายลับและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหลายประเทศ เช่น ซาอุดิอาระเบีย รวันดา โคลอมเบีย รวมถึงเจ้าหน้าที่ตัวกลางของหน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐ (ซีไอเอ) เคยใช้บริการของ มอสแซ็ค ฟอนเซกา เช่นกัน ด้วยการเปิดบริษัทออฟชอร์ที่มีแค่ชื่อที่อยู่บังหน้า (เชลล์ คัมพานี)

ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐลักลอบขายอาวุธให้กับอิหร่าน เพื่อแลกเปลี่ยนกับอิสรภาพของตัวประกันสหรัฐ และยังให้เงินสนับสนุนกลุ่มกบฏคอนทราในนิการากัวด้วย

แม้กระทั่งหน่วยงานทางการแพทย์และมนุษยธรรมอย่าง องค์กรกาชาดสากล ก็โดนหางเลขไปตามๆ กัน โดยเอพีเปิดเผยว่า มอสแซ็ค ฟอนเซกา จัดตั้งมูลนิธิหลอกที่มีชื่อว่า มูลนิธิแห่งศรัทธา เพื่อซุกหุ้นของออฟชอร์กว่า 500 แห่ง และแจ้งไปยังสถาบันการเงินว่า ผู้รับประโยชน์คือ องค์กรกาชาดสากล ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อปกปิดชื่อผู้รับประโยชน์ที่แท้จริง และทำให้ดูเหมือนว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นของกลุ่มเอ็นจีโอ

ตามกฎหมายของปานามานั้น อนุญาตให้ มอสแซ็ค ฟอนเซกา อ้างชื่อได้โดยไม่ต้องแจ้งไปยังองค์กรที่ถูกอ้าง ส่งผลให้ แคลร์ แคปลุน โฆษกหญิงขององค์กรกาชาดสากล แสดงความกังวลต่อชื่อเสียงขององค์กร จากกรณี ปานามา เปเปอร์ส และระบุว่า การอ้างชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นการละเมิดกฎหมายสากล และปราศจากศีลธรรม

ข่าวล่าสุด

ตำรวจไซเบอร์-ทหาร ถกเข้มชายแดนสระแก้ว เตรียมรับคนไทยจากกัมพูชากลับบ้าน!