WHO ยันโรคฝีดาษลิงยังไม่เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพ
โรคฝีฝีดาษลิงยังไม่เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพระดับโลก องค์การอนามัยโลก (WHO) ยืนยันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
แม้ว่าเตโวโดรส อัดฮาโนม (Adhanom Ghebreyesus) ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO กล่าวว่าเขากังวลอย่างมากเกี่ยวกับการระบาด
"ผมกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการระบาดของฝีฝีปาก นี่เป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเพื่อนร่วมงานของผมและผมในสำนักเลขาธิการ WHO กำลังติดตามอย่างใกล้ชิด" เตโวโดรส กล่าวจากการรายงานของรอยเตอร์
ในปัจจุบัน การระบุว่าเป็น "ภาวะฉุกเฉินระดับโลก" ใช้เฉพาะกับการระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัสและความพยายามอย่างต่อเนื่องในการกำจัดโปลิโอ และ WHO ยังไม่ตัดสินใจนำไปใช้กับการระบาดของโรคฝีฝีดาษลิงหลังจากคำแนะนำจากการประชุมของผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ
WHO ระบุว่ามีผู้ป่วยโรคฝีฝีดาษลิงแล้วมากกว่า 3,200 รายและมีผู้เสียชีวิต 1 รายในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมาจาก 48 ประเทศซึ่งปกติไม่แพร่กระจายลามไปทั่วแบบนี้
จนถึงปีนี้ มีรายงานผู้ป่วยเกือบ 1,500 รายและผู้เสียชีวิต 70 รายในแอฟริกากลาง ซึ่งโรคนี้พบได้บ่อยกว่า ส่วนใหญ่อยู่ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก
โรคฝีฝีดาษลิงเป็นโรคไวรัสที่ก่อให้เกิดอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่และแผลที่ผิวหนัง ได้แพร่กระจายส่วนใหญ่ในผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายนอกประเทศที่เป็นโรคเฉพาะถิ่น
WHO ระบุว่า เชื้อมีอยู่ 2 สาย คือสายพันธุ์ West African ซึ่งเชื่อกันว่ามีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 1% และเป็นสายพันธุ์ที่แพร่กระจายในยุโรปและที่อื่น ๆ และสายพันธุ์ Congo Basin ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตใกล้ถึง 10%
มีวัคซีนและการรักษาโรคฝีฝีดาษลิง แม้ว่าจะมีอุปทานจำกัด
การตัดสินใจของ WHO มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพระดับโลก ซึ่งกล่าวก่อนการประชุมว่าการระบาดเป็นไปตามเกณฑ์ที่เรียกว่าภาวะฉุกเฉิน
อย่างไรก็ตาม คนอื่น ๆ ชี้ให้เห็นว่า WHO อยู่ในสถานะที่ยากลำบากหลังจากวิกฤต COVID-19 โดยการประกาศในเดือนมกราคม 2020 ว่าโคโรนาไวรัสใหม่เป็นตัวแทนของภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขส่วนใหญ่ถูกละเลยโดยรัฐบาลหลายแห่ง จนกระทั่งประมาณ 6 สัปดาห์ต่อมา เมื่อหน่วยงานใช้คำว่า "การระบาดใหญ่" (pandemic) ประเทศต่างๆ จึงค่อยดำเนินการ
Photo - REUTERS/Dado Ruvic/Illustration/File Photo